เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

สลดรับวาเลนไทน์ สาววัย 18 ทำแท้งด้วยการใช้ยาเหน็บ ทำให้ตกเลือดอย่างมาก เด็กสิ้นใจคาที่นอน 

เมื่อวันที่ 14 ก.พ.64 พ.ต.ท.ศุภชัย เพ็ชรสกุล พนักงานสองสวน สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ว่า ได้รับผู้ป่วยรายหนึ่ง ที่มีอาการตกเลือดอย่างรุนแรง ภายในช่องคลอดมีรกเด็กติดอยู่

ซึ่งผู้ป่วยรายดังกล่าวให้การรับสารภาพว่า ใช้ยาเหน็บเพื่อทำแท้ง จนเด็กหลุดออกมาเสียชีวิต และนำศพเด็กยัดใส่ไว้ในกล่องพลาสติกภายในห้องนอนภายในบ้านที่ จ.ชุมพร จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพร้อมแพทย์และหน่วยกู้ภัยสายชล มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์

เมื่อไปถึงที่เจ้าหน้าที่พบว่าเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ปลูกอยู่ริมคันคลองชลประทานชุมพร โดยตัวบ้านแบ่งแยกซอยห้องออกเป็น 3 ห้องเล็กๆ โดยห้องที่เกิดเหตุ เป็นห้องด้านหลังสุดของบ้าน โดยภายในห้อง เจ้าหน้าที่พบบนที่นอนเต็มไปด้วยเลือด โดยใต้ราวผ้าที่ตั้งอยู่ติดฝาผนังห้อง แขวนเสื้อผ้าชุดนักศึกษาของวิทยาลัยอาชีวะแห่งหนึ่งในจังหวัดชุมพร พบกล่องพลาสติกสีแดง วางอยู่ในลักษณะปิดฝา

อยู่ในสภาพสมบูรณ์ มีอวัยวะครบ 32 ที่บริเวณหน้าท้องมีสายสะดือยาวกว่า 50 ซม.สภาพเพิ่งถูกตัดด้วยของมีคม คาดอายุครบกำหนดใกล้คลอดแล้ว ซึ่งทางแพทย์จึงนำศพของทารกน้อยไป รพ.ชุมพรเพื่อชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง

จากการสอบสวนเจ้าของบ้าน อายุ 38 ปี ทราบว่า ตนมีอาชีพรับจ้างทั่วไป ทำงานกลับบ้านไม่ค่อยแน่นอน บางวันก็เย็น บางวันก็มืดค่ำ และเมื่อวานที่ผ่านมา ตนได้รับโทรศัพท์จากลูกสาว ที่จะอายุกำลังครบ 18 ปี ในอีก 2 เดือนข้างหน้า ซึ่งอยู่กับยายว่าให้ไปรับกลับบ้าน เพราะทะเลาะกับยาย ซึ่งตนก็ต้องขับรถไปรับกลับมาบ้าน โดยไม่ได้ถามทะเลาะกันเรื่องอะไร

เจ้าของบ้านให้การว่า จนมาวันนี้ขณะที่ตนกำลังทำงานอยู่ ลูกสาวก็โทรศัพท์มาหา และบอกว่าเลือดไหลออกจากช่องคลอดมาก ตนตกใจก็รีบกลับมาดู ก็พบลูกเลือดไหลออกมาเต็มที่นอนและพื้นห้อง ตนจึงโทรศัพท์ไปยัง 1669 เพื่อให้มารับตัวลูกสาวส่งโรงพยาบาล

ซึ่งตนก็เดินทางตามไปด้วย จนกระทั่งมารู้เรื่องจริงจากแพทย์ว่า ลูกสาวท้องและใช้ยาเหน็บทำแท้ง จนทารกไหลออกมาเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งตนเองยอมรับว่าไม่รู้เลยว่าลูกสาวท้อง และท้องกับใคร เพราะไม่มีอาการบ่งบอกออกมา และลูกสาวก็ยังใช้ชีวิตเป็นปกติ ไปเรียนปกติแทบทุกวัน

ด้านทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบปากคำผู้เป็นพ่อไว้เบื้องต้น ซึ่งต้องรอผลจากทางแพทย์ ซึ่งก็ทราบว่าลูกสาว อาการตอนนี้ปลอดภัยแล้ว แต่ต้องนอนรักษาตัวและให้แพทย์ดูอาการอีกประมาณ 3 วัน ในการดำเนินคดีจะต้องนำหลักฐานยาที่พบในห้องให้ฝ่ายวิทยาการแพทย์ตรวจ รวมทั้งผลการพิสูจน์การเสียชีวิตของทารกประกอบการดำเนินคดีด้วย