เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ทนายตั้ม ควงลุงพล ขึ้นภูเหล็กไฟ…!! ยันน้องชมพู่ ขึ้นเอง ไม่ได้ ขอคุยแม่น้องก่อนตัดสินใจจะว่าความไหม

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ จ.มุกดาหาร นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายรัชพล ศิริ สาคร พร้อมด้วย #นายไชย์พล วิภา หรือลุงพลของน้องชมพู่และเหล่ายูทูบเบอร์จำนวนมากเดินเท้าขึ้นภูเหล็กไฟ ซึ่งเป็นจุดพบศพของน้องชมพู่ โดยเลือกใช้เส้นทางบริเวณสวนป่ายางหลังบ้านของน้องชมพู่ ลัดเลาะขึ้นไป จุดนี้ลักษณะเป็นทางดิ่ง ระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร และเป็นทางที่เดินง่ายที่สุด ประกอบกับสื่อมวลชน และตำรวจก็ได้ใช้เส้นทางนี้ในการตรวจสอบ รวมถึงหาพยานหลักฐานมาตลอดระยะเวลากว่า 8 เดือนที่ผ่านมา
สำหรับการเดินขึ้นไปยังจุดพบศพครั้งนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทนายตั้มจะพิจารณาว่าจะรับทำคดีช่วย #ลุงพล หรือไม่ เพราะยังมีความสงสัยเรื่องปมการเสียชีวิตอยู่ว่าน้องชมพู่จะเดินไปเสียชีวิตยังจุดที่พบศพได้จริงหรือไม่
โดยจุดแรกที่ทางทีมงานทนายไปสำรวจ คือ จุดที่พบรถแบคโฮ และโขดหินที่พบกางเกงของน้องชมพู่ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร และห่างจากจุดพบศพประมาณ 500-600 เมตร จุดนี้ในส่วนของรถแบคโฮย่าของน้องอชิ ก็ได้ตอบข้อซักถามกับทนายตั้มด้วยว่า รถแบคโฮที่พบในจุดนี้มีลักษณะคล้ายกับรถแบคโฮของน้องอชิ เนื่องจากก่อนน้องชมพู่หายตัวไป ก็ได้มาเล่นรถแบคโฮอยู่กับน้องอชิในวันที่ 10 พฤษภาคม 2563 ก่อนที่หลังจากนั้นรถแบคโฮก็หายไป เหลือแต่เพียงรถดั้ม ย่าของน้องอชิคาดว่าน้องชมพู่น่าจะถือรถแบคโฮกลับไปเล่นที่บ้านด้วย

จากนั้นเมื่อมาถึงจุดพบศพน้องชมพู่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้อธิบายให้ทนายตั้มฟัง ศพของน้องอยู่ในลักษณะเอียงนอนอยู่ตรงกลางระหว่างร่องหิน จากนั้นก็ได้มายังจุดพบศพของน้องชมพู่ โดยใช้เวลาในเดินทางทั้งหมดราว 1 ชั่วโมง 30 นาที
เมื่อมาถึงจุดเสียชีวิตของน้องชมพู่ นายษิทรา เปิดเผยว่าในตอนแรกใครหลายคนร่วมทั้งลุงพลได้บอกว่าเด็กไม่สามารถขึ้นได้เพราะทางขึ้นมันลำบาก และมีทางชัน แต่ตนฐานะที่เป็นทนายก็อยากจะเห็นด้วยตาตนเอง ว่าเด็กสามารถขึ้นได้หรือไม่ ตนไม่อยากจะคิดไปเองแล้วเชื่อตามลูกความบอก
เมื่อวันนี้ได้มาดูแล้ว น้องชมพู่ไม่สามารถเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างแน่นอน ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้บอกตนว่าทางขึ้นมามีทั้งหมด 4 เส้นทาง แต่ทุกเส้นทางก็ต้องมาเจอผาที่มีความสูงชั้นก่อนที่จะขึ้นไปพบศพน้องชมพู่นั้นต้องมีคนพาน้องขึ้นมาเพราะทั้งสภาพโขดหินและเส้นทางลาดชัน จึงยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าน้องชมพู่มาเองไม่ได้ และการเสียชีวิตของน้องชมพู่มีเงื่อนงำ

ส่วนตัวยังคงยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่ได้รับเป็นทนายความในคดีนี้ แต่หากอนาคตรับทำ ก็ต้องเตรียมหลักฐานมากกว่านี้เพื่อจะสู้คดี และต้องขึ้นภูเหล็กไฟเพื่อเก็บหลักฐานอีกรอบแน่นอน
จากการลงพื้นตนเก็บข้อมูลไปแล้ว 40 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือคือพยานที่ใกล้ชินกับน้องชมพู่ โดยเฉพาะในระหว่างที่น้องชมพู่หายไป มีใครพบเห็นอะไรบ้าง ตนยังไม่อยากตัดสินใจว่าใครผิด ในส่วนนี้ก็ต้องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ จากการลงพื้นที่บ้านกกกอก ช่วง 2 วันที่ผ่านมายอมรับว่ายังมีข้อสงสัยหลายอย่าง ขอให้ตนได้ตามหาความจริงกับคนที่น่าจะอยู่ในช่วงเวลาน้องหาย ตนก็ไม่ทราบว่าเขาให้การไปหรือยัง และให้การอย่างไร มีพิรุธตรงไหนหรือไม่ อาจจะขอให้ตำรวจสอบปากคำเพิ่มเติม
ส่วนการพูดคุยกับแม่น้องชมพู่นั้น ตนอยากจะรู้ไทม์ไลน์ของแม่น้อง ก็ทราบว่าแม่น้องชมพู่เคยให้การกับตร.ไปแล้วแหละ ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าแม่น้องชมพู่จะรังเกียจไหมที่จะคุยกับตน

ด้านนายไชย์พลเปิดเผยว่า ดีใจที่วันนี้ทนายตั้มขึ้นมายังจุดพบศพพิสูจน์ด้วยตัวเอง ภาพวันที่พบศพของหลานยังติดตา เพราะตนถือเป็นญาติคนแรกที่มาพบศพ ตอนนี้ตนก็ยังคิดถึงหลาน และสะเทือนใจ พูดอะไรไม่ออก รวมถึงไม่ขอตอบอะไร
จากนั้นทนายตั้มและลุงพล ก็เดินลงภูเหล็กไฟในเส้นทางอีกเส้นทางหนึ่ง เพื่อสำรวจในหลาย ๆเส้นทาง เพื่อประเมินในการพิจารณารับทำคดี โดยอยากคุยกับพยานสำคัญอีกคนหนึ่ง คือ แม่ของน้องชมพู่ หากได้คุยกับแม่น้องชมพู่แล้วจะให้คำตอบได้ว่าจะรับทำคดีให้กับลุงพลหรือไม่