ม็อบต่อต้านมาตรการล็อกดาวน์คุมโควิด-19 ก่อจลาจลรุนแรงในหลายเมืองทั่วประเทศ รวมทั้งกรุงอัมสเตอร์ดัม ต่อเนื่องเป็นคืนที่ 3 จนเกิดการปะทะกับตำรวจปราบจลาจล
เมื่อ 26 มกราคม 64 กลุ่มฝูงชนต่อต้านรัฐบาลเนเธอร์แลนด์สั่งใช้มาตรการล็อกดาวน์ ป้องกันโควิด-19 ลุกฮือก่อเหตุจลาจลอย่างดุเดือดเป็นคืนที่ 3 ในหลายเมืองทั่วประเทศ รวมทั้งกรุงอัมสเตอร์ดัม เมืองหลวง เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยม็อบซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มอารมณ์ร้อน ได้ก่อเหตุประท้วงรุนแรงด้วยความโกรธเกรี้ยว ทั้งปล้นสินค้าตามร้านค้าและจุดไฟเผาสิ่งของบนถนน
นอกจากนั้น ฝูงชนยังฝ่าฝืนการประกาศเคอร์ฟิว ห้ามออกนอกเคหสถานในยามค่ำคืน ตั้งแต่ 21.00-04.30 น. ยังได้เกิดการปะทะกับตำรวจปราบจลาจล และมีผู้ชุมนุมถูกจับกุมกว่า 180 คนในหลายเมือง รวมทั้งในเมืองรอตเทอร์ดาม ซึ่งตำรวจปราบจาจลต้องยิงแก๊สน้ำตาสลายม็อบ หลังจากคำสั่งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินต้องล้มเหลว ไม่สามารถที่จะควบคุมม็อบได้
นายกรัฐมนตรีมาร์ก รูตต์ ของเนเธอร์แลนด์ได้ประณามม็อบว่า ก่อเหตุอาญชากรรมรุนแรง ขณะที่นายจอห์น โจริตซ์มา นายกเทศมนตรีเมืองไอนด์โฮเวน กล่าวด้วยความกังวลว่า เหตุจลาจลที่เกิดขึ้นทำให้สถานการณ์ในประเทศหมิ่นเหม่ที่จะเกิดสงครามกลางเมือง
ทั้งนี้ รัฐบาลเนเธอร์แลนด์จำเป็นต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ในการควบคุมการระบาดของโควิด-19 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เมื่อ 24 มกราคม 4,017 รายและเสียชีวิตอีก 39 ศพ ทำให้ มียอดสะสมผู้ติดเชื้อแล้วเกือบ 1 ล้านราย และเสียชีวิตกว่า 13,500 ศพ
