เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ชาวบ้านและญาติสุดจะทนตะโกนสาปแช่ง”ไอไผ่”คนฆ่า”น้องบ๊อปบี้”และไล่ประชาทัณฑ์

 

เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ถนอมศักดิ์ ยศแผ่น รอง ผบก.ภจว. เชียงราย ร่วมกับ พ.ต.อ.ทิวา สกุลวัฒนะ ผกก. สภ.เวียงเชียงรุ้ง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติการพิเศษตำรวจภูธรเชียงราย ควบคุมตัวนายสินชัย เกษตรโสภาพันธ์ หรือไผ่ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 206 หมู่ 9 ต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย ผู้ต้องหาในคดีทำร้ายร่างกายจน ด.ช.ธนโชติ แปงเรือน หรือ น้องบ๊อปบี้ อายุ 7 ขวบเสียชีวิตภายในดงกล้วยท้ายหมู่บ้านใหม่มหาวัน ม.12 ต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา ไปชี้จุดและทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุ

ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบปากคำนายสินชัย เมื่อช่วงคืนที่ผ่านมาจนรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุทำร้ายร่างกายน้องบ๊อปบี้จนเสียชีวิตก่อนหลบหนีไป ด้วยเหตุไม่พอใจในหลายเรื่องทั้งการรื้อที่นอนทำลายของเล่น แอบกินผลไม้ และยิงหนังสติ๊กพลาดใส่นายสินชัย จนเป็นชนวนเหตุให้นายสินชัยใช้ไม้ฟืนตีเข้าตามลำตัวน้องบ๊อปบี้ ไม่ต่ำกว่า 7 ครั้ง จนเสียชีวิตก่อนที่จะหลบหนีไป

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ให้นายสินชัย สวมหมวกกันน็อคใส่เพื่ออำพรางใบหน้าและป้องกันอันตรายจากญาติพี่น้องของน้องบ๊อปบี้ที่เดินทางมาร่วมสังเกตุการณ์การทำแผนประกอบคำรับสารภาพเป็นจำนวนมาก โดยการชี้จุดและทำแผนประกอบคำรับสารภาพได้เริ่มจากจุดแรกเป็นจุดที่นายสินชัยเก็บท่อนไม้ฟืนจากบ้านพักร้างเป็นอาวุธทำร้ายน้องบ๊อปบี้

 

จุดต่อมาเป็นจุดที่นายสินชัย นำจอบไปเพื่อหมายจะนำไปขุดต้นกล้วยอำพรางศพ จุดที่สามเป็นเส้นทางที่นายสินชัยพร้อมน้องบ๊อปบี้เดินทางมาจากบ้าน  จุดที่สี่เป็นบริเวณดงกล้วยที่พบศพน้องบ๊อปบี้ จุดที่ห้าเ ป็นบริเวณที่นายสินชัยนำจอบไปทิ้ง และจุดสุดท้าย เป็นบริเวณทุ่งนาที่นายสินชัยใช้ท่อนไม้ฟืนตีน้องบ๊อบบี้หลายครั้งจนเสียชีวิตก่อนนำศพไปทิ้งในดงกล้วย

 

อย่างไรก็ตามระหว่างที่เจ้าหน้าที่จะพานายสินชัย เดินทางกลับเดินผ่านทุ่งนามายังจุดจอดรถนายทรงวุฒิแปงเรือน บิดาของน้องบ๊อปบี้ พร้อมญาติพี่น้องตลอดจนชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่งเมื่อเห็นหน้านายสินชัยได้แสดงความไม่พอใจต่อการกระทำอันโหดร้ายของนายสินชัยที่กระทำกํบเด็กวัยเพียง 7 ขวบได้ลงคอโดยกลั้นนำอารมณ์ไม่อยู่ได้พากันตะโกนสาปแช่งแหวกวงล้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามที่จะเข้าไปรุมประชาทัณฑ์นายสินชัย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องพานายสินชัยวิ่งหลบหนีขึ้นรถหนีออกจากจุดที่เกิดเหตุในทันทีก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ปานปลาย

ขณะที่มารดาของน้องบ๊อปบี้ เมื่อเห็นผู้ต้องหาและเห็นการชุลมุนของชาวบ้านถึงกลับเป็นลมล้มพับและร้องไห้แทบจะขาดใจทำให้ทางชุดรักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้านต้องช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องและนำตัวส่งรักษากับทางโรงพยาบาล   พร้อมกับมีการยกเลิกการไปทำแผนยังจุดเกิดเหตุบริเวณบ้านของของผู้ต้องหาและบ้านของน้องบ๊อปบี้เพื่อความปลอดภัยของผู้ต้องหา

โดยนายทรงวุฒิ  เปิดเผยว่า ดีใจที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้ แต่อัดอั้นใจพูดอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นหน้าผู้ต้องหาที่กระทำกับลูกของตน ซึ่งยังเป็นเด็กเล็กได้ลงคอ ทั้งที่ไม่เคยมีเรื่องโกรธแค้นหรือบาดหมางอะไรกันมาก่อน  และตัวผู้ต้องหาเองนายทรงวุฒิบอกว่าไม่เคยรู้จักมาก่อนแม้จะมีบ้านอยู่ห่างกันไม่กี่หลังระยะห่างจากบ้านไม่ถึง 30 เมตร โดยตนยุ่งกับการทำงานจนไม่ทราบว่าผู้ต้องหามาเที่ยวเล่นกับลูกของตนได้อย่างไร ซึ่งถึงตอนนี้ก็พูดอะไรไม่ออก เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วทุกอย่างไม่สามารถหวนกลับคืนมาได้ ซึ่งก็ต้องปล่อยเป็นเรื่องของตำรวจที่จะดำเนินคดีตามกฎหมายเพื่อคืนความยุติธรรมให้กับบุตรชายของตนให้ถึงที่สุด