เมื่อ 15 ม.ค. ซีเอ็นเอ็นรายงานสถานการณ์การสู้รบในซีเรีย ว่า กลุ่มหมวกขาว หรือไวต์เฮลเมตส์ อาสาสมัครผู้ช่วยเหลือในสงครามกลางเมืองซีเรีย เปิดเผยว่าในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เหตุโจมตีต่อเนื่องในเขตกูตาตะวันออก ชานกรุงกามัสกัส พื้นที่ของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรีย มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 177 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็กมากถึง 51 ราย และมากกว่า 800 คนบาดเจ็บ เป็นเด็กๆ ราว 200 คน
ตอกย้ำว่าความขัดแย้งในซีเรียยังวิกฤต หลังสงครามปะทุขึ้นตั้งแต่ปี 2554 มีผู้เสียชีวิต 470,000-480,000 ราย และมากกว่า 7.6 ล้านคนต้องอพยพหนีตาย กลุ่มไวต์เฮลเมตส์ระบุอีกว่า เขตกูตาตะวันออกเป็นเขตลดความตึงเครียดตามข้อตกลงหยุดยิงที่มีทางการรัสเซีย ตุรกี และอิหร่านเป็นนายหน้าประสานงาน รวมถึงได้รับความเห็นชอบจากประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย เมื่อปีก่อน แต่กลับมีการโจมตีอย่างหนักหลายร้อยครั้ง
การโจมตีมีทั้งการโจมตีทางอากาศ ขีปนาวุธ ก๊าซคลอรีน และคลัสเตอร์บอมบ์ ระเบิดดาวกระจายที่เน้นการโจมตีพลเรือน และถูกห้ามใช้ตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ขณะที่กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) แถลงว่าเพียง 2 สัปดาห์แรกของปี 2561 มีเด็กๆ อย่างน้อย 30 รายเสียชีวิต และมากกว่า 200,000 คนติดอยู่ในเขตสมรภูมิตั้งแต่ปี 2556 เป็นเรื่องน่าอับอายที่เกือบ 7 ปีแห่งความขัดแย้ง
สงครามที่โจมตีเด็กๆ ยังคงดำเนินต่อไปในขณะที่โลกก็กำลังเฝ้ามอง เด็กหลายล้านคนทั่วซีเรียและประเทศเพื่อนบ้านต่างได้รับผลกระทบอันล้างผลาญจากความรุนแรงในหลายพื้นที่ของประเทศซึ่งไม่เคยลดระดับลง
Cr. ข่าวสด