เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ตำรวจไม่กล้าพามือยิงสาว ม.5 ไปทำแผน เกรงโดนญาติรุมประชาทัณฑ์

จากกรณี นายอนันตพงษ์ พรมพฤกษ์ (เจ๋) อายุ 22 ปี ก่อเหตุบุกยิง น.ส.ณัฐฐาพร บุญอยู่ (อาย) อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.5 ซึ่งเป็นอดีตแฟนของผู้ก่อเหตุ ผู้ก่อเหตุได้ทำการยิงอดีตแฟนสาว 4 นัด เสียชีวิตคาบ้าน เลขที่ 18 /3 หมู่ 3 ตำบลปากแพรก อ.สวี จ.ชุมพร เวลา 09.00 น. ของวันที่ 14 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ลาภ  คำภาพันธ์  สว.(สอบสวน) สภ.สวี จ.ชุมพร  ได้รับแจ้งว่ามีคนถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้าน ใน ต.ปากแพรก อ.สวี จ.ชุมพร เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์โรงพยาบาลสวี และหน่วยอาสากู้ภัยกู้ชีพมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์เขตสวี จากนั้น ช่วงเย็นตำรวจได้ประสานนักประดาน้ำหน่วยกู้ภัยมูลนิธิชุมพร ไปดำน้ำหาอาวุธที่ผู้ต้องหาอ้างว่า ทิ้งไว้ที่สะพานข้ามคลองสวีหนุ่ม ตำบล ปากแพรก ระหว่างหลบหนี โดยนักประดาน้ำใช้เวลาค้นหากว่า 3 ชั่วโมงแต่ไม่สำเร็จ

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงคาดคั้นจนผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่า ได้นำอาวุธปืนไปซ่อนไว้ในบ้านของยายที่เลี้ยงดูตนเองมา ตรวจสอบพบเป็นปืนสั้นขนาด .380 แบบแมกกาซีน ซึ่งเป็นปืนเถื่อนที่นายอนันตพงษ์บอกว่าได้ซื้อไว้นานแล้ว ตั้งแต่ตนเองเป็นพนักงานประจำรถทัวร์บริษัทแห่งหนึ่งใน จังหวัด ชลบุรี เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน

คืบหน้า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 มกราคม 64 พ.ต.ท.ลาภ คำภาพันธ์ สว.(สอบสวน) สภ.สวี ได้นำตัวผู้ต้องหาออกมาจากห้องขัง เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนจะแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน” “มีและครอบครองอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต” “พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร” และพรุ่งนี้จะนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขังผลัดแรกต่อไป  และที่เจ้าหน้าที่ไม่พาตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากบ้านที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของน้องอาย กลัวว่าจะถูกญาติพี่น้องและเพื่อนของผู้เสียชีวิตรุมประชาทัณฑ์ เกรงว่าจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้

ด้านนางวรรณี พลสงคราม อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 122 หมู่ 4 ตำบล ท่าหิน อำเภอ สวี จังหวัด ชุมพร (ยายของผู้ต้องหา) ได้เดินทางมาเยี่ยมหลาน กล่าวว่า เท่าที่รู้หลานตนได้คบหากับผู้ตายมานานแล้ว ตั้งแต่เรียนชั้น ม.2 ทั้งคู่เข้าออกที่บ้านอยู่เป็นประจำ ปัจจุบันหลานตนมีอาชีพรับจ้างทั่วไป รายได้ส่วนหนึ่งส่งเสียให้น้องอายได้เรียนหนังสือ ที่ผ่านมาช่วงปิดเทอมทั้งคู่ก็เคยไปรับจ้างทำงานด้วยกัน

นางวรรณี กล่าวอีกว่า นายอนันตพงษ์เป็นลูกของลูกสาวคนโตของตน มีชีวิตที่น่าสงสารมากเพราะกำพร้าพ่อกับแม่ตั้งแต่เด็ก เนื่องจากเกิดได้ 3 วัน พ่อก็เป็นมะเร็งเสียชีวิต ต่อมาตอนอายุ 5 ขวบ แม่ก็ไม่สบายเสียชีวิตไปอีกคน ตนจึงเลี้ยงดูจนถึงปัจจุบัน หลังเรียนจบ ม.3 ก็ออกมาทำงานรับจ้างทั่วไป ที่ผ่านมาหลานไม่เคยปรึกษาหรือพูดคุยปัญหาอะไรให้ฟังเลย เพราะหลานเป็นคนไม่พูด ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุก็ไม่เคยเห็นมาก่อน จนกระทั่งมารู้ว่าไปยิงน้องอายเสียชีวิต และติดต่อขอมอบตัวดังกล่าว และตนรู้สึกเสียใจมาก

ต่อมา เวลา 13.00 น. ภายในวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ไปที่บ้านเลขที่ 18 /3 หมู่ 3 ตำบล ปากแพรก อำเภอ สวี จังหวัด ชุมพร ที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพน้องอาย โดยเป็นบ้านปูนชั้นเดียวอยู่ติดกับถนนลาดยางสายหนองพรม ด้านหลังเป็นสวนปาล์มน้ำมันจำนวนหลายไร่ ได้มีคณะครูและเพื่อนนักเรียน ญาติ พี่น้องและชาวบ้าน ทยอยมาเคารพศพและนำหรีดมาวางอย่างต่อเนื่อง

ด้านนายเกรียงศักดิ์ อัจกลับ ผอ.โรงเรียนสวีวิทยา กล่าวว่า ผู้ตายเรียนอยู่ชั้น ม.5 สาย ศิลป์สังคม เป็นเด็กเรียนเก่งได้เกรด 3 กว่ามาตลอด ความประพฤติดี เป็นจิตอาสาของโรงเรียนทำงานกิจกรรมกับเพื่อนๆไม่เคยขาด ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เลยรู้สึกเสียใจกับครอบครัวและเสียดายอนาคตมาก

ขณะที่ นางวาสนา บุญอยู่ อายุ 38 ปี (แม่ผู้เสียชีวิต) กล่าวว่า วันเกิดเหตุตอนเช้าตนต้องรีบไปทำงานที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง จากนั้นก่อน 8 โมงเช้า ผู้ตายโทรมาบอกว่าเดี๋ยวอาบน้ำแล้วจะเอาการบ้านของน้องคือลูกสาวคนเล็กวัย 3 ขวบ ไปฝากให้ตนพาไปส่งครูที่โรงเรียนชุมชน ใน อำเภอ สวี จากนั้นเกือบ 9 โมง ก็มีญาติโทรมาบอกว่า ลูกสาวถูกยิงเสียชีวิตแล้ว จึงรีบกลับบ้านทันที เมื่อเห็นศพหัวใจแทบสลาย ทำใจไม่ได้

นางวาสนา กล่าวต่ออีกว่า ที่ผ่านมาประมาณ 1 ปี ตนรู้ว่าลูกสาวคบหากับนายอนันตพงษ์ เคยพามาบ้านแต่ไม่บ่อย และช่วง 2 เดือนก่อน เกิดเหตุนายเจ๋ไม่เคยมาที่บ้านอีกเลย และไม่มีลางสังหรณ์อะไรเลยว่าจะเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น อีกทั้งลูกสาวก็ไม่เคยมาเล่าหรือปรึกษาปัญหาเลย และยังเป็นคนร่าเริงสนุกสนานอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่บอกว่าจะเลิกคบกับนายเจ๋แล้ว เพราะอยากจะตั้งใจเรียนอย่างเดียว ส่วนกรณีที่มีญาติฝ่ายนายเจ๋บอกว่านายเจ๋ทำงานส่งเสียลูกสาวตนเรียนนั้น ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ครอบครัวตนเป็นคนรับผิดชอบดูแลเองทั้งหมด

ด้าน น.ส.วีรดา ศรีพรหม (น้องแนน) กล่าวว่า ตนกับอายเป็นเพื่อนสนิทกันมาก ตั้งแต่เรียนอนุบาลจนมาถึงชั้น ม.5 อยู่โรงเรียนเดียวกัน กินเที่ยวด้วยกันมาตลอด คุยกันทุกวัน ที่ผ่านมาก็รู้ว่าอายมีแฟน มีปัญหาอะไรก็จะพูดคุย ปรึกษากับเพื่อนๆในกลุ่มตลอด ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา อายได้เลิกกันด้วยดีกับนายเจ๋ เพราะตนเองอยากจะตั้งใจเรียนหนังสือ และได้วาดหวังกับอนาคตไว้หลังเรียนจบ ม.6 แต่ฝ่ายชายไม่ยอมเลิก และยังชอบใช้ความรุนแรงทุบตีมาตลอด นอกจากนั้น ยังคอยติดตามอยู่ตลอดเวลา จนถึงขั้นข่มขู่จะยิงให้ตาย จนเพื่อนๆก็กลัวไปด้วย ซึ่งปัญหานี้ อายบอกว่าไม่อยากเล่าให้แม่และครอบครัวรู้กลัวจะเสียใจ

น.ส.วีรดา กล่าวต่อว่า การที่อายบอกเลิกกับนายเจ๋นั้น ไม่ใช่เพราะมีคนใหม่ แต่เพราะอยากตั้งใจเรียนให้จบและจะเรียนต่อระดับสูงๆ เพราะที่ผ่านมา อายบอกว่าฝ่ายชายเข้ามายุ่งกับชีวิตมากเกินไป ทั้งทุบตี ใช้ความรุนแรงและคอยติดตามอยู่ตลอดเวลา จนไม่สามารถตั้งใจเรียนได้ ก่อนเกิดเหตุ ช่วงก่อนเที่ยงคืนอายยังได้แชทข้อความเข้ามาในกลุ่มเฟซบุ๊ก บอกว่า “ นายเจ๋ขับรถจักรยานยนต์มาเวียนที่หน้าบ้านหลายรอบแล้วและจอดเฝ้าอยู่ที่หน้าบ้าน จากนั้นก็บอกอีกว่าเจ๋อยู่หน้าบ้านและมาเคาะหน้าต่างด้วย หลอนละจะทำไงดี เพื่อนๆในกลุ่มก็แนะนำว่าให้ปิดทุกอย่าง ปิดเสียงโทรศัพท์ด้วย ล๊อกกลอนประตูหน้าต่างให้ดีอยู่เงียบๆ และนอนรอให้มันไปเองและให้โทรแจ้ง 191 ว่ามีคนบุกรุก” ซึ่งมีการแชทพูดคุยกันในกลุ่มนานจนถึงตี 2 เหตุการณ์ก็ผ่านไปด้วยดีไม่เกิดเหตุร้ายใดๆขึ้น

และ น.ส.วีรดากล่าวต่อว่า จากนั้นตอนเช้าก่อนเกิดเหตุ อายก็ยังแชทข้อความมาทักตามปกติ จากนั้นอีกไม่กี่นาทีต่อมา มีคนโทรมาบอกว่าอายถูกยิงเสียชีวิตแล้ว ตนตกใจมาก จึงรีบขับรถจักรยายนต์ไปที่บ้านเกิดเหตุ และเห็นภาพอายถูกยิงเสียชีวิตตนร้องไห้เสียใจอย่างมาก หลังจากนั้นก็มีเพื่อนในกลุ่มมาเล่าให้ตนฟังว่า กลางดึกก่อนเกิดเหตุได้ฝันว่าอายมาเข้าฝันแล้วบอกว่า “พวกแกไปงานเราด้วย” แค่แวบเดียวสั้นๆแล้วหายไปเลย จนตอนเช้ามารู้ว่าอายถูกยิงเสียชีวิตแล้ว