เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

สถานะการความมั่นคงทางชายแดนเริ่มเดือด หลังมีการปลด 3 นายทหารระดับสูง

(13 ม.ค.63) ผู้สื่อข่าวรายงานจากชายแดนไทย-เมียนมา ตรงข้าม อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ว่า หลังจากที่ทางการเมียนมามีคำสั่งให้ 3 นายทหารระดับผู้บังคับกองพัน ให้พ้นจากตำแหน่ง ในข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับชาวต่างชาติ สร้างความเสียหายให้กับประเทศ เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ส่งผลทำให้สถานการณ์ชายแดนในฝั่งเมียนมา ที่ตึงเครียดกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิท-19 อยู่แล้ว ยังสุ่มเสี่ยงเกิดการปะทะกันระหว่างทหารฝ่ายรัฐบาลเมียนมากับกองกำลังติดอาวุธ ซึ่ง ภายใต้การนำของ 3 ผู้นำทหารถูกสั่งปลดตำแหน่ง คุมกำลังติดอาวุธนับหมื่นนายสั่งเตรียมพร้อมรบตลอด 24 ชั่วโมง

ล่าสุดกองกำลังทหารเมียนมาได้เปิดฉากโจมตีกำลังชนกลุ่มน้อยติดอาวุธ ท้ายหมู่บ้าน Ser Kaw Der  เขตกองพล 5 ของรัฐกะเหรี่ยง ในจังหวัดผาอัน ตรงข้าม อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ทั้ง 2 ฝ่ายมีการปะทะอย่างดุเดือดใช้อาวุธประจำกายและอาวุธหนักโจมตีระหว่างกัน ส่งผลทำให้ ราษฎรชาวกะเหรี่ยงจำนวนกว่า 80 ครอบครัว 588 คน  หนีออกจากหมู่บ้านของตัวเอง มาอยู่ตามป่าเขา ตามถ้ำ หลบในหลุ่มหลบภัยจากกระสนปืน ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น ซึ่งเดินทางมาจ่ออยู่บริเวณใกล้ชายแดนไทยแล้ว

ในช่วงที่สถานะโควิท-19 กำลังระบาทอยู่นี้ความมั่นคงทางชายแดนก็เป็นเรื่องสำคัญอยู่เหมือน เพราะไม่อาจรู้เลยว่ามีผู้อบพยบติดเชื้อบ้างหรือไม่และมีการควบคุมที่ดีพอหรือป่าว

ขณะที่ พลโทอภิเชตฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3  กล่าวว่า การปลดผู้นำระดับสูงของกองกำลังชนกลุ่มน้อยและอาจนำไปสู่ความรุนแรงนั้น เชื่อว่ายังไม่น่าจะเป็นไปได้ จะยังไม่ส่งผลกระทบกับไทย เนื่องจากเป็นความขัดแย้งด้านผลประโยชน์มากกว่า และถือว่าเป็นเรื่องภายในประเทศเมียนมา