เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

จากกรณีการเสียชีวิตของ ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ “น้องชมพู่” อายุ 3 ขวบ ที่หายตัวไปจากหมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร วันที่ 11 พ.ค.2563 ก่อนพบกลายเป็นศพบนภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้านประมาณ 2 กิโลเมตร

ล่าสุด วันที่ 8 ม.ค.2564 ที่ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ จ.ปทุมธานี นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล พร้อม นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น ภรรยา เดินทางไปสอบปากคำเพิ่มเติมโดยเข้าเครื่องจับเท็จ

โดยมีรายงานว่าก่อนหน้านี้ เคยพาครอบครัวน้องชมพู่มาเข้าเครื่องจับเท็จที่นี่ก่อนแล้ว โดยทยอยเข้าสอบปากคำ ประกอบด้วย พ่อแม่น้องชมพู่ พี่สาว น้าต่าย น้าเสริม น้าแต น้าฝน รวม 7 คน ส่วนน้องสะดิ้ง พี่สาว ไม่ได้เข้าห้องจับเท็จ เนื่องจากยังเป็นเยาวชนอยู่ โดยทยอยสอบปากคำตั้งแต่วันที่ 4-7 ม.ค. ที่ผ่านมา

และในวันนี้ ถึงคิวของลุงพล-ป้าแต๋น โดยเจ้าหน้าที่ได้รับตัวมาตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ และนำตัวเข้ามาที่กองพิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรภาค 1 จ.ปทุมธานี ตั้งแต่เวลา 9.45 น. โดยทันทีที่มาถึง ได้นำรถขับเข้าไปในตัวอาคาร และปิดประตูทันทีเนื่องจากเป็นเขตหวงห้ามพิเศษ โดยมีรายงานว่ากระบวนการสอบสวนจะเริ่มขึ้นเวลา 10.30 น.

โดยกระบวนการนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ให้เข้าไปในห้องทีละคน และได้สัมภาษณ์ทั้งหมด กระบวนการสัมภาษณ์นั้นจะมีทั้งนักจิตวิทยาร่วมสอบปากคำด้วยเพื่อสังเกตอากัปกิริยาท่าทางต่างๆ ในการตอบคำถามแต่ละคำถามที่มีการสอบปากคำ รวมทั้งใช้เครื่องมือในการตรวจวัดชีพจรหรือเครื่องจับเท็จ

สำหรับขั้นตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทางกฎหมายเพื่อนำไปประกอบสำนวนทางคดี โดยการเข้าเครื่องจับเท็จ ไม่ใช่จุดชี้ขาดที่จะสามารถยืนยันความเกี่ยวข้องกับคดีน้องชมพู่ได้แต่สามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งของสำนวนคดี

ทั้งนี้มีรายงานว่ากระบวนการในครั้งนี้ ทั้ง 2 คน จะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 9 ชั่วโมง และถือว่าเป็นครั้งแรกในคดีนี้ที่มีการใช้เครื่องจับเท็จ หลังจากก่อนหน้านี้มีการพูดถึงกระบวนการดังกล่าวมาหลายเดือน และการเข้าเครื่องจับเท็จ ถือว่าให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย เพราะให้เข้าเครื่องจับเท็จทั้งฝั่งบ้านลุงพลและบ้านน้องชมพู่ ไม่ได้เลือกเฉพาะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง