เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

     ตำรวจทลายแก๊งเงินกู้นอกระบบ ‘RICH MONEY’ รวบนายทุนจีน เปิดให้บริการเงินกู้สะดวกสบาย ผ่านระบบแอพพลิเคชั่น เรียกเก็บดอกเบี้ยโหด ใครเบี้ยวถูกคุกคามจนอับอาย

 


     เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2563 ที่บก.ปอศ. พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รองผบ.ตร.ในฐานะผอ.ศปน.ตร. พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ก.ตร. พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง รองผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.5บก.ปอศ.

 

       ร่วมกันแถลงข่าวผลการทลายแก๊งเงินกู้นอกระบบ “RICH MONEY” พร้อมของกลางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 63 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 76 เครื่อง อุปกรณ์แปลงค่าไอพีแอดเดรส เครื่องปฏิบัติการส่งข้อความอัตโนมัติ 1 เครื่อง ตรายางบริษัท 2 อัน เอกสารเกี่ยวกับการว่าจ้างพนักงาน 58 แฟ้ม

           เอกสารคู่มือเกี่ยวกับการทวงหนี้ 62 แผ่น สมุดบัญชีเงินฝาก 1 เล่ม เอกสารหนังสือรับรองบริษัท และสมุดบันทึกการทำงานของพนักงาน 2 เล่ม รวมมูลค่าของกลางทั้งหมดกว่า 6 ล้านบาท

           สืบเนื่องจากศปน.ตร. ได้รับร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมาก ว่าได้มีการกู้ยืมเงินผ่านแอพพลิเคชั่นริชมั่นนี่ ซึ่งมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด โดยพบมีการให้สินเชื่อบุคคล ตั้งแต่ 2,000-50,000 บาท ระยะเวลาชำระหนี้ภายใน 7 วัน

           โดยหากกู้เงิน 2,000 บาท จะได้เงินจริงเพียง 1,220 บาท หักเป็นค่าบริการ 780 บาท หรือร้อยละ 39 ต่อ 7 วัน เฉลี่ย ร้อยละ 2,067 ต่อปี โดยใช้วิธีการให้ผู้กู้ติดตั้งแอพพลิเคชั่นลงในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเมื่อกู้ผ่านแล้วจะถูกหักค่าบริการออกจากเงินกู้ แต่ลูกหนี้ยังต้องชำระเงินเต็มจำนวนพร้อมดอกเบี้ย

           หากไม่ชำระตามกำหนดเวลา จะมีการทวงหนี้ในลักษณะข่มขู่ ด่าทอ คุกคาม และมีการส่งข้อความ SMS เกี่ยวกับการเป็นหนี้ให้แก่บุคคลที่สาม ทำให้ผู้กู้ได้รับความอับอายและเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงได้ดำเนินการสืบสวนเรื่อยมา

           กระทั่งสืบทราบว่าขบวนการดังกล่าวใช้อาคารแห่งหนึ่ง ถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ เป็นที่ตั้ง จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. พร้อมหมายค้นของศาลเข้าปฏิบัติการตรวจค้นสถานที่ดังกล่าว

          จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทดังกล่าวมีพนักงานคนไทยทำงาน 59 คน โดยมีนายภูวนาท อายุ 42 ปี ทำหน้าที่ฝ่ายบุคคล น.ส.พวงพรรณ สงวนนามสกุล อายุ 33 ปี ทำหน้าที่ธุรการ และประสานงานกับเจ้าของกิจการชาวจีน นายทรงกรต สงวนนามสกุล อายุ 23 ปี ทำหน้าที่ดูแลพนักงานทวงถามหนี้ แก้ไขปัญหาในการทำงาน และน.ส.ธิติมา สงวนนามสกุล อายุ 31 ปี ทำหน้าที่ดูแลพนักงานทวงถามหนี้

          พร้อมทำการยึดของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี อย่างไรก็ตามจากการสอบสวนพบว่าบริษัทดังกล่าวมีนายทุนเป็นชาวจีน จึงรวบรวมหลักฐานออกหมายจับนายเซี่ย จั้ว เสียง (XIE ZUO XIANG) นายหลัว เหมิง เหมิง (LUO MENG MENG) นายลี่ เค่อ หยู (LI KE YU) สัญชาติจีน และนางโซเพียค เวิน (SOPHEAK VOEURN) สัญชาติกัมพูชา

          ซึ่งภายหลังนายเซี่ย จั้ว เสียง และนายหลัว เหมิง เหมิง ได้ติดต่อขอมอบตัว จึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด”

 

           พล.ต.อ.ปิยะ กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปจะตรวจสอบเส้นทางการเงิน หากพบการกระทำความผิดอื่น หรือมีผู้กระทำความผิดเพิ่มเติม จะได้ทำการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มและดำเนินคดีในทุกฐานความผิด ขอให้ประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อ หรือได้รับความเสียหายจากการกู้ยืมเงินผ่านแอพฯดังกล่าว ดังกล่าว เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์ดำเนินคดีและให้ข้อมูลเพิ่มเติม

           “จากคดีนี้จะเห็นว่า ปัจจุบันกลุ่มนายทุนเงินกู้นอกระบบเป็นกลุ่มทุนต่างชาติ ซึ่งได้เข้ามาหาประโยชน์เอารัดเอาเปรียบประชาชนที่กำลังเดือดร้อน มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการกระทำความผิด ไปจากเดิมเป็นอย่างมาก โดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ เพื่อให้เข้าถึงประชาชนเป็นจำนวนมากได้โดยง่าย” รองผบ.ตร. กล่าว

            นอกจากนี้ ศปน.ตร. ยังได้สั่งการไปยังทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศ ให้ระดมกวาดล้างหนี้นอกระบบ ในระหว่างวันที่ 18-24 ธ.ค. 63 ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญของการตัดช่องโอกาสการเกิดอาชญากรรมอื่น ๆ โดยขณะนี้ผ่านไป 3 วัน ได้เข้าทำการตรวจค้น เป้าหมายจำนวน 122 เป้าหมาย

           ทำการจับกุมผู้ต้องหาและเครือข่าย จำนวน 12 เครือข่าย รวมผู้ต้องหา 48 คน ตรวจยึดเงินสด 124,110 บาท อาวุธปืน 2 กระบอก พบบัญชีลูกค้า 3,082 ราย รวมมูลค่าของกลางกว่า 6,200,000 บาท