และจากกรณีที่ทำให้ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและภาคเอกชนใน จ.เชียงราย ร่วมกันหารือถึงผลกระทบจากกลุ่มพนักงานสถานบันเทิงในโรงแรม 1G1 จ.ท่าขี้เหล็ก ของประเทศเมียนมา ลักลอบเข้ามาในประเทศไทยแบบผิดกฎหมาย โดยใช้เส้นทางผ่านแดนช่องทางธรรมชาติ แถมยังไม่มีการกักตัวและได้เดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ จนแพร่เชื้อโควิด-19 ให้กับคนไทยในประเทศกลับมามียอดติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง ส่งผลให้การท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงรายได้รับผลกระทบอย่างหนัก จนภาคเอกชนยื่นสภาทนายจ่อฟ้องแก๊งสาว 1G1 เรียกมูลค่าเสียหาย 20 ล้าน
ล่าสุด พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 เปิดเผยถึงกรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด ลักลอบเดินทางข้ามแดนกลับประเทศไทย และเข้ามาท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ ว่า ได้รับรายงานว่า ผู้ป่วยโควิด19 เป็นหญิง 3 รายที่ลักลอบเข้าประเทศและเข้ารักษาอาการป่วยที่รพ.นครพิงค์ ล่าสุดวันนี้ทางแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านแล้วหลังจากที่รักษาหาย ซึ่งตนได้สั่งการให้สภ.แม่สาย และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเชียงราย เรียกตัวมาดำเนินคดีเป็นตัวอย่างแล้วและพนักงานสอบสวนตรวจสอบแล้วพบเข้าข่ายความปิดแล้ว 3 ข้อหา คือ เป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไม่ได้เดินทางเข้ามาตามช่องทาง ด่านตรวจคนเข้าเมือง เขตท่า สถานี หรือท้องที่และตามกำหนดเวลา ตาม ม.11 แห่ง พรบ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
ข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกมาตาม ม.9 แห่ง พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ประกอบกับข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1) เรื่องการเปิดช่องเข้ามาในราชอาณาจักร มีโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปีปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และ ข้อหาไม่ปฏิบัติตามติคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อหรือผู้ว่าราชการจังหวัด (จังหวัดเชียงราย) ตามม.35 (1) แห่ง พรบ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 (คำสั่งจังหวัดเชียงรายที่ 1380/2563 เรื่องการระงับการเดินทางเข้า-ออกของบุคคล ยานพาหนะและสิ่งของ ณ จุดผ่านแดนถาวร จุดผ่อนปรนการค้าและช่องทางอื่นๆตลอดแนวชายแดนจังหวัดเชียงรายเป็นการชั่วคราว ลงวันที่ 21 มีนาคม 2563 (จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท ) หรือทั้งจำทั้งปรับ