เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

กรณีที่ นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ น้องชาย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า ตกเป็นข่าวว่าให้เงินสินบนแก่ บุคคลที่อ้างว่าเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ รายหนึ่ง พร้อมเงินนายหน้าเป็นจำนวน 20 ล้านบาท เป็นค่าตอบแทนติดต่อประสานงาน นำเงินไปมอบให้รองผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เพื่อจูงใจให้จัดสรรที่ดินบริเวณองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ชิดลม) และรื่นฤดี ซึ่งเป็นทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ให้บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ได้สิทธิการเช่าที่ดินระยะยาว ไม่ต้องผ่านการประมูลตามขั้นตอนปกติ  ซึ่งคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อ 27 พ.ย. 2562 พิพากษาจำคุก 3 ปี เจ้าพนักงานสำนักทรัพย์สินฯ และ นายหน้า และเป็นที่วิพากวิจารณ์การไม่ดำเนินคดีกับนายสกุลธร

ล่าสุดทีมโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกันแถลงเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีที่มีการเสนอข่าว ว่าอัยการสั่งไม่ฟ้อง และ ไม่ดำเนินคดีกับนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ โดย นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อธิบดีอัยการ สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยยการสูงสุด เปิดเผยว่า สำนักงานอัยการสูงสุดได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว กรณีที่มีการเสนอข่าวดังกล่าว ยังคลาดเคลื่อนต่อข้อเท็จจริง โดยขอชี้แจง รายละเอียดทั้งหมดในเรื่องนี้

สืบเนื่องจากสำนักงานอัยการพิศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต4 ได้รับสำนวนการสอบสวนพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม(สำนักงานปปช.มีหนังสือแจ้งพนักงานโดยมอบหมายให้ทำการสอบสวนคดีนี้ต่อไปตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต w.ศ.2561 มาตรา 61 วรรค 2) เมื่อ 24 เมษายน 2562 คดีระหว่าง นายอิศรา จารุวณิชกุล ผู้กล่าวหา นายประสิทธิ์ ภัยพลชาญ ผู้ต้อหที่ 1 นายสุรกิจ ตั้งวิทํวนิช  ผู้ต้องหาที่ 2 โดยกล่าวหาผู้ต้องหาทั้งสองว่า ร่วมกันปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอมและร่วมกันเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจหรือได้จูงใจเจ้าพนักงานโดยวิธีอันทุจริต หรือ ผิดกฎหมาย ให้กระทำการหรือไม่กระทำการในหน้าที่ เหตุเกิดช่วงเดือน มีนาคม – พฤศจิกายน 2560 ต่อเนื่องกัน ในท้องที่แขวงดุสิต เขตดุสิต และ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพ ต่อเนื่องกัน

พนักงานสอบสวนเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสอง ข้อเท็จจริงทางคดีได้ความว่า ผู้ต้องหาทั้งสองได้ร่วมกันปลอมหนังสือราชการ ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 2 ฉบับ แล้วนำไปใช้แสดงต่อ นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานบริษัท เรียลแอสเสท  ว่า สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มีที่ดินจะให้เช่าเพื่อทำธุรกิจ 2 แปลงจน นายสกุลธร ตกลงว่าจ้าง และว่าจ้างผู้ต้องหาที่ 2 เป็นผู้แทนดำเนินการในเรื่องดังกล่าว วงเงินสัญญาจ้าง 500 ล้านบาท และ ได้จ่ายเงินให้แล้วบางส่วน จำนวน 3 ครั้ง เป็นจำนวน 20 ล้านบาท

สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ทราบข้อเท็จจริงจึงมอบอำนาจให้ นายอิศรา จารุวณิชกุล ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสองดังกล่าว ในส่วนของนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ พนักงานสอบสวนไม่ได้ตั้งเป็นผู้ต้องหา แต่ได้สรุปในรายงานการสอบสวนว่า จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับนายสกุลธร ตามกฎหมายต่อไป