เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

โอ้…โห้ !! รมว.ยุติธรรมเผยเชิญหลายหน่วยงาน ร่วมตรวจของกลางที่พบในโกดังว่าเป็นยาเคหรือไม่ ยัน2หน่วยตรวจผลครั้งแรกพบเป็นยาเสพติด

วันที่ 24 พฤศจิกายน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเพื่อชี้แจงกรณีที่พบความคลาดเคลื่อนผลการตรวจสอบสารเคมีที่เก็บในโกดัง จังหวัดฉะเชิงเทรา น้ำหนักรวมกว่า 11 ตัน โดยยืนยันผลการตรวจสอบชุดหลัง ที่ได้รับรายงานจากห้องทดลองปฏิบัติการว่า เป็นสารไตรโซเดียมฟอสเฟต ทำให้ต้องเชิญ 3 หน่วยงาน คือ ป.ป.ส. กองพิสูจน์หลักฐาน และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เข้าตรวจสอบยืนยันอย่างละเอียดอีกครั้งว่าของกลางทั้งหมดเป็นยาเสพติดหรือไม่ จำนวนมากน้อยเท่าใด

จากการหารือกับตัวแทนหลายหน่วยงาน คาดว่าต้องใช้เวลา 2 สัปดาห์ ในการตรวจสอบของกลางอย่างละเอียด จึงได้เสนอให้รอบแรกแบ่งตรวจสอบของกลางเพื่อให้ได้ผลลัพธ์เบื้องต้นในสัปดาห์นี้ ส่วนที่เหลือค่อยทยอยตรวจสอบภายหลังให้ครบทุกหน่วยงาน

ส่วนผลความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องใหม่ทางวิชาการที่สารดังกล่าว เมื่อนำเข้าชุดตรวจสอบแล้วได้ผลลัพธ์ว่าอาจเป็นสารเสพติด ซึ่งหลังจากนี้ต้องมีการสัมมนาเชิงวิชาการเพื่อหาข้อสรุปจากความผิดพลาดต่อไป

ขณะที่ตัวแทนจาก ป.ป.ส. ยืนยันว่าในวันที่มีการตรวจสอบของกลาง มีการใช้ชุดทดสอบจาก 2 หน่วยงานคือ ของ ป.ป.ส. และกองพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งผลลัพธ์ออกมาสอดคล้องกันว่าอาจเป็นยาเสพติด ประกอบกับ ที่มาของคดีนี้ เกิดจากการจับกุมยาเสพติดในประเทศไต้หวัน และบ่งชี้ว่าของกลางมาจากการเก็บรักษาในจังหวัดฉะเชิงเทรา ทำให้เข้าใจว่าของกลางที่ตรวจพบเป็นยาเสพติดจริง

อย่างไรก็ตามในการแถลงชี้แจงต่อสื่อมวลชนในวันนั้น ก็ได้ใช้การตั้งข้อสังเกตและระบุชัดเจนว่าของกลางที่ตรวจพบอาจเป็นเคตามีน ส่วนสารไตรโซเดียมฟอสเฟต แม้ว่าจะมีลักษณะทางกายภาพ คล้ายกับเคตามีน แต่ยืนยันได้ว่าไม่สามารถนำไปใช้สกัดเป็นสารตั้งต้นยาเสพติดได้ และหากนักวิชาการอะไรใด ที่สนใจอยากขอตรวจสอบของกลางซ้ำ ก็สามารถติดต่อไปที่ ป.ป.ส.ได้

สำหรับการตั้งชุดคณะกรรมการ ตรวจสอบการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ นายสมศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า ไม่ใช่การกลั่นแกล้งประชาชน หากการวิพากษ์วิจารณ์นั้นระบุแค่เฉพาะตัวรัฐมนตรี หน่วยงานกระทรวงยุติธรรม หรือป.ป.ส. ก็พร้อมยอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ แต่ไม่ควรเชื่อมโยงหรือพาดพิงถึงบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งเรื่องนี้ต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบก่อนการดำเนินคดีตามกฎหมาย และหลังจากที่จบเรื่องนี้ทั้งหมด ก็จะมีการพิจารณาอีกครั้งว่า ต้องดำเนินการหรือมีบทลงโทษใดกับทางเจ้าหน้าที่ด้วยหรือไม่

ส่วนเรื่องการสร้างความมั่นใจกับประชาชน ยอมรับว่าในระยะนี้อาจมีผลกระทบอยู่บ้าง แต่ก็เชื่อว่าเป็นเพียงส่วนน้อย และการตรวจสอบหาสารเสพติดต่างๆ ก็ต้องมีการตรวจพิสูจน์ซ้ำอย่างละเอียดเพื่อป้องกันความผิดพลาดอยู่แล้ว