สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 28 ต.ค.63 บิณฑ์ ได้ไลฟ์สดในเฟซบุ๊กว่า ไม่เข้าใจว่าการที่ตนออกมาปกป้องสถาบันเป็นความผิดร้ายแรงหรือ จึงทำให้คนออกมาโจมตีหรือทัวร์มาลง ทั้งที่ก็เป็นคนไทยคนหนึ่งที่เทิดทูนสถาบัน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่นตนคนเดียว มีประชาชนคนไทยอีกหลายสิบล้านคนที่เห็นด้วย หากตนทำสิ่งที่ไม่ดี เช่นการไปปลุกระดมให้คนเกลียดคนนั้นคนนี้ก็ว่าไปอย่าง นี่แค่ปลุกให้คนลุกมาปกป้องสถาบันเท่านั้น นี่ไปขุดคุ้ยผมมาทุกเรื่อง ตนไม่โกรธ แค่อยากถามว่าเป็นอะไรหนักหนา เข้ามาด่ามาว่า ไม่เข้าใจ
“ถ้าจะโกรธผมเรื่องที่ผมด่าว่าคนชูนิ้วกลางผมไม่ว่า แต่ถามว่าถ้าคุณเห็นอย่างที่ผมเห็นในวันนั้ ผมก็เชื่อว่าทนไม่ได้เหมือนกัน แต่ขอถามว่าผมจะเข้าไปตบจริงหรือ ผมกล้าเหรอ ผมแค่โมโหแค่ตรงนั้น พวกคุณไปบิดพลิ้วว่าผมจะตบเด็กชู 3 นิ้ว ซึ่งไม่ใช่ การที่น้องๆ ชู 3 นิ้วก็เรื่องของน้อง ที่ไปเรียกร้องเกี่ยวกับเรื่องเผด็จการ การเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตของน้องผมไม่ว่า และขอว่าอย่าเอาเรื่องของผมไปยุ่งกับเด็กเพื่อเอาทัวร์มาลงที่ผม”บิณฑ์ว่า
บิณฑ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้เริ่มที่จะบานปลายออกไปบ้าง แต่ด้วยความสัตย์จริงและจริงใจของตนกับคนไทยทุกคน แต่การเอาพระบรมฉายาลักษณ์มาฉีกอันนี้ทนไม่ได้ ต่อไปตนจะตั้งสติ ใครจะทำตนไม่ยุ่งปล่อยให้เป็นเวรกรรม ตนขอก้าวเดินตามที่ตั้งใจคือรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ และอยากอยากเชิญชวนทุกคนออกมาช่วยกัน ร่วมกัน ทั้งดารา นักร้อง อาชีพไหนก็ตาม ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีคนจ้าง เพราะไม่ใช่ ถึงตอนนี้เราต้องชัดเจน เราไม่ฝักใฝ่การเมือง สีใดเลย แค่สีเหลืองสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งเสื้อสีชมพูด้วย เพราะมองว่าเป็นสีที่สบายตาสบายใจ เป็นสีอ่อนหวาน ผมเคยเห็นในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงสวมเสื้อสีชมพูบ่อยมาก เราน่าจะใส่เพื่อรำลึกนึกถึงพระองค์ท่านด้วย
“เราไม่รู้ว่าบ้านเมืองจะไปทางไหน แต่อยากให้ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อยู่คู่สังคมไทย เราจะไม่ต่อว่าหรือเหยียดใครทั้งนั้น วันที่ 1 พ.ย.นี้ขอเชิญชวนไปร่วมเฝ้าฯรับเสด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ที่วัดพระแก้ว เพื่อให้พระองค์ท่านทรงเห็นว่าประชาชนยังรักและเทิดทูนพระองค์ท่าน” บิณฑ์กล่าว