เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ในชีวิตเราแต่ละวันเชื่อว่าต้องใช้ความคิดอยู่แทบตลอดเวลา และรู้หรือไม่?? คนเราส่วนใหญ่ใช้สมองไปกับการคิดและจำอะไรที่ไม่ค่อยเกิดประโยชน์ แม้ในสมองจะไม่มีหน่วยความจำที่จำกัด แต่ถ้าเรามีแต่อะไรที่ไม่ค่อยมีสาระในสมองเยอะแยะเต็มที่ไปหมด โอกาสที่จะหยิบใช้ความคิดดี ๆ ออกมาก็คงมีได้น้อยเต็มที เพราะฉะนั้นลองเปลี่ยนมาใส่อะไรดี ๆ ลงสมองกันบ้างดีกว่า จะได้เกิดความคิดเจิด ๆ แจ่ม ๆ ออกมาบ้าง

นอกจากหาอะไรดี ๆ ใส่สมองแล้ว ต้องรู้จักใช้และหาวิธีเพิ่มพลังให้สมองทำงานดีขึ้นด้วย 10 วิธีนี้เลย

1. ห้ามอดนอนเด็ดขาด 

สิ่งที่กระทบกับสมองโดยตรง ก็คือการพักผ่อนไม่เพียงพอ ช่วงเวลาพักผ่อนที่ดีที่สุดคือ 10.00-05.00 น. หรือ 6-8 ชั่วโมงต่อวัน ต้องไม่น้อยกว่านี้เด็ดขาด สมองถึงจะทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการทำสมาธิ ก็ส่งผลให้นอนหลับได้ดีขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ก็ห้ามอดนอน และควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอพร้อมกับการทำสมาธิควบคู่กันไปด้วย

2. ล้านักก็พักบ้าง 

ไม่จำเป็นที่คนเราจะต้องใช้สมองคิดเรื่องโน้น เรื่องนี้ตลอดเวลา เราเองยังต้องการการพักผ่อน สมองก็ต้องการเช่นกัน ซึ่งการฟังเพลง หรือเล่นเกมติ๊งต๊องบ้างก็เป็นพักผ่อนสมองได้ดีวิธีหนึ่ง โดยมีผลการวิจัยออกมาแล้วว่าดนตรีมีส่วนสำคัญกับสมองโดยตรง การฟังเพลงสบาย ๆ ช่วยให้สมองได้ผ่อนคลายความตึงเครียดที่เหนื่อยล้าจนเกินไปได้

3. คิดหรือจำเป็นรูปภาพ

สมัยก่อนเรามักถูกสอนมาให้ท่องจำ แต่รู้หรือไม่? การจำที่ดีที่สุดคือการจำเป็นรูปภาพ เด็กสมัยนี้จึงถูกสอนให้จำทุกอย่างเป็นรูปภาพ ขณะที่เด็กในอดีตที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว มักจะจำเป็นข้อความหรือคำพูด ความแตกต่างเช่นนี้มีผลต่อพัฒนาการของสมองโดยตรง เพราะสมองจะทำงานได้ดีกว่าเมื่อจำหรือคิดเป็นรูปภาพ เพราะฉะนั้นควรหมั่นฝึกฝนด้วยรูปภาพจึงจะทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น

4. คิดแง่บวกไว้ก่อนดีที่สุด

การเปลี่ยนความคิดที่เป็นเชิงลบให้กลายเป็นแง่บวกทำให้สมองและจิตใจทำงานได้ดีขึ้น เพราะคุณจะได้คิดและวิเคราะห์ถึงแง่มุมดี ๆ ของเรื่องเหล่านั้นมากขึ้น เช่น การตั้งเป้าหมายในการทำงาน หรือการทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ ฯลฯ เรื่องเหล่านี้คุณต้องคิดในแง่บวกจึงจะทำให้เกิดขึ้นจริงได้

5. กินอาหารที่เป็นประโยชน์

นอกจากร่างกายที่ต้องการอาหารที่เป็นประโยชน์แล้ว สมองก็เช่นกัน สมองควรได้รับสารอาหารที่เพียงพอและสม่ำเสมอ ควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และอาหารบำรุงสมองได้แก่ กล้วยน้ำว้า แป๊ะก๊วย วิตามินต่าง ๆฯลฯ ที่สำคัญอย่ากินเยอะจนอิ่มเกินไป ควรกินน้อย ๆ แต่กินถี่ ๆ กินให้ครบทุกมื้อ

6. หาอะไรมีประโยชน์ใส่สมองบ้าง

ถ้าอยากให้สมองทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพต้องหาอะไรที่มีประโยชน์มาใส่สมองบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้สมองว่างเปล่าก็คงไม่สามารถมีความคิดดี ๆ ออกมาได้ ควรอ่านหนังสือเพิ่มเติมความรู้ ไม่จำเป็นต้องเครียดกับการอ่านหรือเพิ่มความรู้จนเกินไป ความพอดีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะถ้าเครียดไปสมองก็ไม่รับอยู่ดี

7. สมองก็ต้องออกกำลังเหมือนกัน

นอกจากร่างกายที่แข็งแรงจะต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแล้ว สมองก็ต้องการการออกกำลังด้วยเหมือนกัน วิธีที่จะออกกำลังสมองได้ดีที่สุด คือ การทำกิจกรรมหรือเล่นเกมที่ต้องใช้สมอง เน้นว่าต้องไม่ให้เครียดหรือยากเกินไป เพราะถ้ายากไปจะทำให้เครียด ไม่ใช่การออกกำลังที่ดี เช่น การเล่นคอสเวิร์ด ซูโดกุ หรือเกมฝึกสมองอื่น ๆ ก็ช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น

8. เสียงหัวเราะทำให้สมองแจ่มใส

เสียงหัวเราะ และอารมณ์ที่แจ่มใสจำเป็นต่อทุกส่วนของร่างกาย ไม่เว้นแม้แต่สมอง ขณะที่เราหัวเราะหรืออารมณ์ดี ทุกอย่างในร่างกายจะตอบสนองเชื่อมโยงกันทั้งหมด ทำให้สมองปลอดโปร่ง แจ่มใส ที่สำคัญไม่เครียดด้วย

9. สังเกตสมองตัวเองบ้าง

คนเรามักใส่ใจส่วนอื่น ๆ ในร่างกาย แต่มองข้ามสิ่งสำคัญอย่างสมองไปเลย ทั้ง ๆ ที่สมองเป็นตัวสั่งการทุกอย่างในร่างกาย เพราะฉะนั้นหมั่นสังเกตว่าสมองของเราทำงานได้ดีจากการทำอะไร เช่น อ่านหนังสือแล้วจำได้ดี ดูเป็นภาพแล้วจำได้ดี หรือฟังแล้วจำได้ วิธีง่าย ๆ เหล่านี้จะทำให้คุณรู้ว่าสมองของคุณทำงานเป็นอย่างไร เพราะแต่ละคนมีการฝึกฝนต่างกัน ก็ทำให้การทำงานของสมองต่างกันด้วย

10. สิ่งแวดล้อมรอบตัวก็สำคัญ

นอกจากจะสังเกตสมองตัวเองแล้ว สิ่งแวดล้อมรอบตัวก็มีผลต่อสมองเช่นกัน บางคนอยู่ในห้องเงียบ ๆ แล้วสมองทำงานได้รื่นไหล แต่บางคนต้องเปิดเพลงคลอเบา ๆ สมองถึงจะทำงานได้ดี หรือบางคนต้องมีสถานการณ์บังคับถึงจะทำงานได้ดีขึ้น เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่เราต้องสังเกตตัวเองเท่านั้นถึงจะรู้ และเมื่อรู้แล้วก็ควรเอาตัวไปอยู่ในที่นั้น ๆ เมื่อจำเป็นต้องใช้สมอง

วิธีเหล่านี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นในการสร้างวินัยและสังเกตตัวเองที่ทำให้สมองของเราทำงานได้ดีขึ้น แต่อย่าลืมว่าการที่สมองทำงานได้ดี ได้เต็มประสิทธิภาพช่วยทำให้คิดและจำได้ดีขึ้นเท่านั้น เรียกว่าเป็นแค่ส่วนหนึ่งที่จะทำให้ฉลาดขึ้น แต่ไม่ใช่ทั้งหมด คุณยังต้องอาศัยการเรียนรู้ และการสั่งสมความรู้ที่มากกว่าเดิมด้วย

ที่มา – ไลน์ทูเดย์