เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันที่ 22 ก.ค. นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานวิปฝ่ายค้าน อภิปรายถึงการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาว่า ญัตตินี้มาถูกที่ถูกเวลา วันนี้เราพูดคุยตรงกันว่าให้รับฟังความแห็นของนิสิตนักศึกษา สถานการณ์วันนี้ทุกคนห่วงใยบ้านเมือง เพราะมีบาดแผลเยอะ ถ้าแก้ถูกทางอาจไม่เหมือนเดิม

ประเทศไทยมีบทเรียนหลายครั้ง สำคัญว่าจะทำซ้ำแบบเดิมหรือใช้วิธีใหม่ ซึ่งวิธีใหม่ไม่พ้นเรื่องความเมตตา นำให้เขาคิดถูกทาง เมตตาแรกคือต้องรับฟัง ท้ายที่สุดอย่าใช้ความรุนแรง จากที่ตนฟังเพื่อนสมาชิกร้อยเปอร์เซนต์ขอให้เรารับฟังนิสิตนักศึกษา แต่ที่ห่วงคือเราจะฟังกันแบบไหน ญัตติแรกที่ให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญ คือการให้สภาฟัง ไม่ใช่นายกฯ ฟัง แต่พรรคเพื่อไทยเสนอให้ส่งเรื่องตรงไปรัฐบาลฟังเลย เพราะคู่กรณีคือรัฐบาล จะมาให้สภาฟังมันผิดที่ผิดทาง

นายสุทิน อภิปรายต่อว่า ส่วนข้อเรียกร้องของเด็ก 3 ข้อ คือ 1.ยุบสภา คนที่มีอำนาจคือนายกฯ จึงต้องไปถามรัฐบาล แล้วจะมาถามสภาได้อย่างไร 2.ให้แก้รัฐธรรมนูญ ถามว่าใครมีอำนาจแก้ก็คือรัฐสภา ตนในฐานะกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าถามตนว่าจะแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ ตนซึ่งเป็นฝ่ายค้านไม่มีปัญญาตอบ เพราะเราเสียงน้อย ต้องไปถามส.ส.รัฐบาลซึ่งเป็นเสียงข้างมาก ซึ่งส.ส.ก็ต้องถามนายกฯ ดังนั้น นายกฯ ต้องเป็นคนตอบ

และ 3.อย่าคุกคามประชาชน ถามว่าสภาคุกคามประชาชนได้หรือไม่ ซึ่งนิสิตนักศึกษาเขากลัวรัฐบาล ดังนั้น จะต้องถามรัฐบาล ทั้งนี้ ถ้าตั้งกรรมาธิการวิสามัญฯ นอกจากถามไม่ตรงแล้ว นิสิตนักศึกษาไม่ได้โง่ จะมองว่าเป็นแค่พิธีกรรม รัฐบาลก็จะโยนเรื่องมาให้สภา นายกฯ ลอยตัวซึ่งสูญเปล่า ดังนั้นต้องยื่นรัฐบาลอย่างเดียว สภาไม่เกี่ยว

ด้านนายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า รัฐธรรมนูญปี 60 เป็นรัฐธรรมนูญแย่ที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา องค์กรอิสระก็ไม่อิสระ พวกตนไม่รู้จะพึ่งใคร สงสัยต้องพึ่งนิสิตนักศึกษา ดังนั้น ตนต้องให้กำลังใจนิสิตนักศึกษา เยาวชน เพราะคือคนที่เป็นอนาคตของประเทศ และที่มีการชุมนุมตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. จนมาถึงหน้ากองทัพบก และอดีตรองโฆษกกองทัพบกสวยแต่ไร้หัวใจ มาบอกเป็นม็อบมุ้งมิ้ง ถ้าอ่านข้อความแล้วก็ตีความได้ว่า ม็อบไร้ราคา กระจอก เอาเวลาไปเรียนหนังสือ ตนขอบอกว่าไม่ใช่ ท่านเป็นข้าราชการ

“ขอถามว่าพันเอกอย่างท่าน เคยเรียกร้องความเป็นธรรมอะไรในสังคมให้กับประชาชนบ้าง ถ้าเลือกระหว่างการให้ความเคารพนับถือ และเชิดชูนักศึกษาอายุ 20 ปี ที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับสังคม กับพันเองอย่างท่าน ตนนับถือนักศึกษาอายุ 20 ปี และสิ่งที่ต้องชื่นชมอีกคนคือ น.ส.มารีญา พูลเลิศลาภ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ปี 2017 นี่คือดาราที่กล้าหาญ

ไม่ต้องมาเชียร์พวกตน ก้าวไกลอย่ามาเชียร์ แต่ถ้ายืนหยัดในอุดมการณ์ประชาธิปไตย ยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง เมื่อเวลาที่คนต้องการที่พึ่งอย่างนักศึกษา อย่างนี้เขาเรียกว่าสวยและมีหัวใจ และขอฝากไปยังรัฐบาลว่าพ.ร.ก.ฉุกเฉินที่เตรียมต่อไปถึง 31 ส.ค.นั้น อย่าเอาไปจับประชาชน อย่าเอาไปตั้งข้อหากับนิสิต นักศึกษา และเห็นว่าทางออกที่ดีที่สุดคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ”