เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

จากกรณีนักเรียนหญิงชั้นม.3 เข้าแจ้งความเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สหัสขันธ์ หลังได้เดินทางมาจ่ายค่าปรับแต่โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าว ซึ่งอยู่ในอาการมึนเมาลวนลาม และขอจับอวัยวะเพศ

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้(12 พ.ค.) ที่ห้องประชุมตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยรองผู้บังคับการตำรวจ จ.กาฬสินธุ์ทุกฝ่าย ร่วมกันเปิดเผยคืบหน้าในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว

พล.ต.ต.สมนึก เผยว่า ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นหญิงสาวถูกจับในข้อหาไม่สวมหมวกนิรภัย และได้ไปชำระค่าปรับที่สภ.สหัสขันธ์ พร้อมน้องสาว เมื่อช่วงเวลา 11.00 น.วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา จากนั้นได้สอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเสียค่าปรับ ซึ่งระหว่างพูดคุยกันที่ห้องประชาสัมพันธ์ชั้น 1 ได้มีตำรวจนายหนึ่ง ทราบชื่อภายหลังว่า ร.ต.ท.อุทิศ ซึ่งกำลังทำหน้าที่สิบเวร ได้มาหาผู้เสียหายและได้สอบถามว่ามาทำอะไร จากนั้น ร.ต.ท.อุทิศ ได้แนะนำและพาขึ้นไปเสียค่าปรับที่ชั้น 2 และขณะนั้นเป็นวันหยุดห้องเปรียบเทียบปรับไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ ก่อนที่จะพาผู้เสียหายเข้าไปและก่อเหตุลวนลาม กอดเอวผู้เสียหาย และขอจับของสงวนของหญิงสาว

พล.ต.ต.สมนึก กล่าวต่อว่า จากการสอบปากคำผู้เสียหาย รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ประกอบกับสอบถาม ร.ต.ท.อุทิศ เบื้องต้นเป็นการกระทำผิดจริง โดยจากการพูดคุยกับ ร.ต.ท.อุทิศ ยอมรับว่า ก่อนเกิดเหตุได้ดื่มสุราที่บ้านพัก และมีเพื่อนมาขอให้ไปเข้าเวรแทน ระหว่างเข้าเวรมีอาการเมาสุราก็เลยก่อเหตุ แต่อ้างว่าทำไปโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตามการกระทำดังกล่าวจะต้องถูกดำเนินการทั้งวินัยและอาญา

เบื้องต้นได้สั่งย้าย ร.ต.ท.อุทิศ มาประจำที่ตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ และตั้งคณะกรรมสอบสวนวินัยร้ายแรง ซึ่งเมื่อหากสอบสวนปากคำพยาน รวบรวมหลักฐาน และได้ข้อเท็จจริงแล้ว ก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมตัว โดยเบื้องต้นตั้งข้อหาอนาจารแก่บุคคลที่อายุต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งมีโทษสูงจำคุก 10 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท ทั้งนี้หากศาลตัดสินผิดและจำคุกก็ต้องดำเนินการไล่ออกจากราชการต่อไป

นอกจากนี้จะมีการตรวจสอบกรณีข้อบกพร่อง ปล่อยให้ดื่มสุราแล้วมาปฏิบัติหน้าที่ด้วย อย่างไรก็ตามตนในฐานะผู้บังคับบัญชาและในนามตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ทุกนายต้องขอโทษผู้เสียหายด้วยที่ตำรวจได้กระทำไม่ดีในครั้งนี้

ขณะที่ นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 70 ปี ซึ่งเป็นตานักเรียนหญิงชั้น ม.3 กล่าวว่า พอได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากหลานสาว ตนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นกับหลานสาวของตน เพราะแต่ไหนแต่ไรมาก็ทราบดีว่าโรงพักหรือสถานีตำรวจ เป็นที่พึ่งของประชาชน โดยเฉพาะชาวบ้านผู้เดือดร้อน และกับโรงพักแห่งนี้ก็ไม่เคยได้ยินเรื่องราวเสียหายแต่อย่างไร พอมาเกิดกับหลานสาวของตน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ก็อยากเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจหรือผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าว ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัย เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีของข้าราชการต่อไป