เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

คนไม่ได้ 5,000 แห่รับบัตรคิวโต๊ะร้องเรียนเราไม่ทิ้งกันหน้ากระทรวงการคลัง

เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกระทรวงการคลังตั้งโต๊ะรับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มผู้ยังไม่ได้รับสิทธิ์เยียวยา 5,000 บาท บริเวณหน้าประตู 4 ตั้งแต่ช่วงเช้า ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากประชาชนเดินทางมาร้องเรียนจำนวนมาก ในช่วงบ่ายมีการรับบัตรคิวไปแล้วกว่า 300 ราย แต่เจ้าหน้าที่ยังรับเรื่องได้เพียงประมาณ 100 ราย ส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มอาชีพอิสระ ทั้งคนขับรถแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ค้าขาย และมัคคุเทศก์

บรรยากาศช่วงบ่าย เกิดความชุลมุนมากขึ้น เนื่องจากมีผู้มาร้องเรียนจำนวนมาก ทำให้การจัดระเบียบเว้นระยะห่างไม่สามารถทำได้ เพราะประชาชนรวมตัวเรียกร้อง ไม่พอใจกระทรวงการคลังที่ตรวจสอบทำให้ได้รับสิทธิ์ล่าช้า รวมทั้งไม่เชื่อมั่นว่าจะได้เงินเยียวยา แม้กระทรวงการคลังยืนยันว่าจะมีผู้รับสิทธิ์ถึง 16 ล้านคน และจะเยียวยาทุกรายที่ได้รับผลกระทบแน่นอนก็ตาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีประชาชนที่ไม่ได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท ชูป้ายข้อความระบุว่า “จะให้ตายอีกกี่คนถึงจะได้เงิน” และ “ต้องมีคนตายอีกเท่าไหร่ เพื่อสังเวยความไม่เอาไหนของรัฐบาลนี้”

หนึ่งในกลุ่มผู้เรียกร้อง ระบุว่า ตนเองไม่ได้มาขอเงิน 5,000 บาท แต่ต้องการมาแสดงจุดยืนถึงสถานการณ์ตอนนี้ว่ามีคนฆ่าตัวตายเรื่อยๆ ไม่ไหวแล้ว รัฐบาลต้องทำอะไรสักอย่าง การฆ่าตัวตายป้องกันได้ โดยรัฐบาลควรมีมาตรการดูแลประชาชน ช่วงโควิด-19 ไม่ใช่เพียงเรื่องเดียวที่ต้องแก้ปัญหา มันมีเรื่องปากท้อง ต้องคิดถึงวิถีชีวิตคนด้วย หลายคนต้องตกงาน แต่มาตรการเยียวยากลับไม่ทั่วถึง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงบ่ายประชาชนที่เดินทางมามีความชุลมุนวุ่นวาย ต่างจากช่วงเช้าที่เป็นระเบียบ มีทั้งรายที่หอบลูกหลานมานั่งร้องเรียน ต้องการเงินเยียวยา แม้ว่าจะมีฝนตก กลุ่มผู้ร้องเรียนก็ยังปักหลักอยู่ที่กระทรวง โดยเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังตั้งโต๊ะบริการ 5 จุดตลอดช่วงวัน

จากการสอบถาม นางสม ขุนทอง อายุ 70 ปี กล่าวว่า ตนลงทะเบียนไปแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าอยู่ในสถานะใดเพราะไม่มีข้อความแจ้งกลับมาจึงอยากมาให้เจ้าหนี้ที่ช่วยเหลือ เดิมตนเก็บขวดมาขายได้บ้าง แต่ปัจจุบันขายไม่ได้เลย ค่าบ้านก็ต้องจ่าย ทุกวันนี้ก็เอาข้าวเย็นมาหุงกันใหม่ กินมื้อต่อไปๆ “อยากให้รัฐบาลปลดล็อกให้ประชาชนขายของหรือไปไหนได้เหมือนเดิมสักที เพราะตอนนี้ไปไหนไม่ได้อยู่แต่บ้าน จะอดตายอยู่แล้ว”

เช่นเดียวกับ นายสมพร วัสดี อายุ 59 ปี กล่าวว่า ที่มาวันนี้เพราะอยากได้ความชัดเจนว่าตนอยู่ในสถานะใด หลังจากมีข้อความส่งมาให้ไปกรอกข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งได้เข้าไปกรอกข้อมูลแล้ว และสถานะอยู่ในระหว่างการตรวจสอบและก็ไม่มีข้อความใดๆ ส่งมาเพิ่มเติมอีกเลย จึงเดินทางมาสอบถามที่กระทรวงการคลังด้วยตัวเอง เดิมตนประกอบอาชีพขายสินค้ามือสอง พระเครื่อง จานชามกระเบื้อง และผ้าพันคอ ซึ่งหลังจากรัฐมีคำสั่งปิดตลาดและสถานที่ต่างๆ ทำให้ออกไปค้าขายสินค้าไม่ได้ ทำให้ขาดรายได้เลี้ยงชีพ