เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

โฆษกศบค. แถลงยอดผู้ติดเชื้อโคงิด 19 เพิ่ม 13 คน ยอดสะสม 2,839 คน เน้นย้ำข้อยกเว้นประกาศจุฬาราชมนตรี ห้ามถ่มน้ำลายที่สาธารณะ อนุโลมให้กลืนได้ ไม่ถือว่าบกพร่องศาสนกิจ พร้อมแจงปรับลดด่านเคอร์ฟิว ปรับเป็นสายตรวจเชิงรุกสกัดกลุ่มมั่วสุมชุมนุมกัน

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ประจำวันพฤหีสบดีที่ 23 เมษายน 2563 ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 56 ของโลก โดยมีผู้ป่วยรายใหม่ 13 คนหายแล้ว 2430 คน ยอดผู้ติดเชื้อสะสม  2839 คน เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย มีนาคมเป็นหญิงไทยอายุ 78 ปีมีโรคประจำตัวเป็นโรค หลอดเลือดสมอง พบป่วยเมื่อวันที่ 21 มีนาคม ด้วยอาการทางเดินปัสสาวะอักเสบ และวันที่ 24 มีนาคม พบมีอาการไข้ปอดบวมและยืนยันผลว่าติดเชื้อเมื่อวันที่ 5 เมษายน และเสียชีวิตในวันที่ 21 เมษายน ด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือดและระบบหายใจล้มเหลว

โดย 13 คน เป็นผู้ป่วยรายใหม่จำนวน 10 รายแบ่งเป็นผู้มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 5 คน และไม่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 5 คนแบ่งเป็นคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ 1 คนไปยังสถานที่ชุมชน 1 คนประกอบอาชีพเสี่ยง 2 คน และตรวจก่อนทำหัตถการหรือ Active Case finding 1 คน นอกจากนั้นยังมีการค้นหาเชิงรุกในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตพบป่วยเพิ่มขึ้น 3 คน โดยใช้การค้นหาผู้ที่เดินทางไปยังร้านขายยาหรือคลินิก เพื่อไม่ให้เป็นพาหะนำโรคไปขยายยังพื้นที่อื่น // ซึ่งผู้ป่วยรายใหม่ทั้ง 13 คนแบ่งเป็นกรุงเทพฯ 4 คน ภูเก็ต  4 คน ชลบุรี 1 คน สงขลา 1 คนชุมพร 1 คน ปทุมธานี 1 คน และนครปฐม 1 คน

ส่วนพื้นที่จังหวัดที่มีการทำ PUI หรือผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สะสมโรคที่มีกลุ่มอาการไอไข้หรือมีน้ำมูกก่อนทำ PCR หรือตรวจสารคัดหลั่งหลังโพรงจมูก สะสมมากกว่า 1,000 คน ประกอบไปด้วยกรุงเทพมหานคร 10,942 คน ยะลา 4,060 คน นนทบุรี 3,578 คน ชลบุรี 1,844 คน  ภูเก็ต 2136 คน และสมุทรปราการ 1,285 คน

โดยที่ผ่านมามีการตรวจหาเชื้อในคลินิก ที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้มีการปรับระเบียบใหม่ใช้การ Active Case finding โดยสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง ได้ออกแบบวิธีการค้นหาผู้ป่วยโควิด- 19 เชิงรุกในชุมชนด้วยกลไกการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับเขต และเริ่มค้นหาในพื้นที่ชุมชนบางเขน และคลองเตยหาผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มเฉพาะ ทั้งที่แสดงอาการและไม่แสดงอาการ นำข้อมูลต่างๆมาเป็นตัววางแผนในเชิงนโยบาย ซึ่งพบว่าหลังช่วงสงกรานต์มามีการไล่ตรวจเช็คมากขึ้นถึง 1876 คน ในกลุ่มชุมชนแออัด แต่พบผู้ติดเชื้อเพียง 1 คน

โดยสถานการณ์ของโลกพบผู้ป่วย 2,634,529 คน เสียชีวิต 184,021 ราย โดยอันดับ 1 ยังคงอยู่ที่สหรัฐอเมริกาพบผู้ติดเชื้อ 848,115 และเสียชีวิต 47,639 คน ซึ่งเมื่อวานเพียงวันเดียวพบผู้ติดเชื้อสูงขึ้น 30,163 คน ส่วนในประเทศสิงคโปร์ ขณะนี้มียอดผู้ป่วยยืนยัน 10,141 คนเสียชีวิต 12 ราย

ส่วนคนไทยที่จะเดินทางกลับมาจากต่างประเทศในวันนี้ 23 เมษายน 2563 เป็นคนไทยเดินทางกลับจากประเทศตุรกีจำนวน 55 คนในเวลา 14:00 นโดยเที่ยวบินที่ EK 6103 เป็นนักศึกษาและนักเรียน และเป็นคนไทยเดินทางกลับจากประเทศมาเลเซีย 144 คน เวลา 13:23 เที่ยวบิน MH 788 ด้วยเป็นคนงานและคนไทยที่ตกค้างอยู่ในประเทศ ส่วนในวันที่ 24 มีนาคมจะมีคนไทยเดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น 31 คนเที่ยวบิน NH 847 เวลา 15:30 นซึ่งเป็นคนไทยยังคงตกค้างอยู่ในภายในประเทศ และเป็นคนไทยเดินทางกลับมาจากประเทศอินเดีย 171 คนเที่ยวบิน FD 9123 เป็นเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำมาลงที่สนามบินดอนเมืองเวลา 15:00 นด้วยเป็นพระภิกษุสงฆ์ 104 รูป และเป็นแม่ชีรวมไปถึงผู้ปฏิบัติธรรม

ส่วนการประกาศห้ามออกนอกเคหสถานหรือเคอร์ฟิวในเวลา 22:00 ถึง 04:00 น พบผู้กระทำความผิดเมื่อวานที่ผ่านมา ออกนอกเคหสถาน 617 คน โดยได้ตักเตือนไปทั้งสิ้น 102 คนและดำเนินคดีทั้งสิ้น 515 คน มั่วสุมชุมนุม 160 คน แบ่งเป็นตักเตือน 2 คนแล้วดำเนินคดี 104 คน ซึ่งหากนับตั้งแต่วันประกาศเคอร์ฟิว พบผู้กระทำความผิดออกนอกเคหสถานทั้งสิ้น 16,179 คน แบ่งเป็นการตักเตือน 2,983 คน ดำเนินคดี 13,196 คดี มั่วสุมชุมนุมทั้งสิ้น 1,835 คน ตักเตือน 150 คนและดำเนินคดีทั้งสิ้น 1,730 คดี

ส่วนการกำหนดวันรอมฎอน นายแพทย์ทวีศิลป์ได้เน้นย้ำถึงข้อยกเว้นของจุฬาราชมนตรีที่ประกาศออกมาว่า มีข้ออนุโลม ให้การถือศีลอดให้ถือปฏิบัติตามปกติตามศาสนากำหนด เว้นผู้ที่ได้รับการผ่อนผันตามหลักการศาสนาเท่านั้น ทั้งนี้การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด -19 มิได้เป็นอุปสรรคให้งดการถือศีลอดแต่ประการใด ตลอดจนการกลืนน้ำลายจะไม่มีการปนเศษอาหารอยู่ในช่องปากก็มีได้ทำให้การถือศีลอดนั้นบกพร่องแต่อย่างใดกับเป็นการรักษาร่างกายในลำคอให้ชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึง ไม่ควรถมน้ำลายในพื้นที่สาธารณะโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อในสภาวะการณ์ปัจจุบัน นอกจากนั้นยังมีการประกาศให้ห้ามจัดเลี้ยงแต่เป็นการตัดแบ่งแจกจ่ายไปยังพื้นที่บ้านต่างๆ

ส่วนการปิดด่านสะเดา ซึ่งเป็นด่านขนาดใหญ่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ใช้อยู่ และมีผู้คนเดินทางเข้าออกจำนวนมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย ซึ่งต้องยอมรับว่ามีการติดเชื้อของบุคลากรภายในจนต้องมีการกักกันตัวผู้ที่มีความเสี่ยงสูงถึง 49 คนและเสี่ยงต่ำอีก 93 คน รวมทั้งสิ้น 142 คน ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการสอบสวนโรคซึ่งศูนย์ควบคุมโรคกำลังร่วมมือหาต้นทางกับทางจังหวัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของโรค โดยขณะนี้ได้มีการปรับใช้ด่านปาดังเบซาร์แทน ส่วนจะเปิดด่านได้เมื่อไหร่ ต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมและความปลอดภัยของผู้ที่จะเดินทางผ่านแดนด้วย  พร้อมกับเน้นย้ำให้ผู้ที่ต้องการจะเดินทางกลับต้องลงทะเบียนกับกระทรวงการต่างประเทศรวมไปถึงปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ทางรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานที่รองรับการกักกันโรค

ส่วนการปรับลดด่านเคอร์ฟิว  นายแพทย์ทวีศิลป์ระบุว่า จะมีการปรับเปลี่ยนการตั้งด่านเชิงรับ เป็นการออกตรวจในเชิงรุก เข้าตรวจเมื่อพบเบาะแส ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือเพื่อนบ้านหรือชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านนั้นๆต้องช่วยกันบอกเบาะแสเพื่อทำให้เกิดการลดละเลิก พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ตนเชื่อว่าการป้องปรามแบบนี้จะทำให้มั่วสุมชุมนุม ที่มักพบเป็นสาเหตุการแพร่ระบาดของโรค นั้นลดน้อยลง