เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันที่ 17 เม.ย. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยผลการตั้งด่านเคอร์ฟิวทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า ปัจจุบันมีการตั้งด่านตรวจ 998 จุดทั่วประเทศ ผลจับกุมผู้ฝ่าฝืนในช่วง 2 สัปดาห์ จับกุมดำเนินคดีมากกว่า 7,000 ราย แต่มีแนวโน้มการจับกุมลดลงทุกวัน เนื่องจากมีการสร้างการรับรู้ให้ประชาชนมาตลอด

ส่วนการดำเนินคดีผู้ฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อคืนที่ผ่านมา (16 เม.ย.) มีการดำเนินคดี 929 คน แบ่งเป็นผู้ออกนอกเคหสถาน 820 คน มีการตักเตือน 172 คน ที่เหลือ 642 คน ถูกดำเนินคดี อีกกลุ่มหนึ่งเป็นประชาชนมั่วสุมในเคหสถาน ดำเนินคดี 109 คน

ซึ่งตัวเลขนี้สะท้อนว่าประชาชนยังไม่เข้าใจเจตนารมณ์การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อไม่ให้มีการแพร่ระบาดของโรค ที่ต้องการให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทาง ทำกิจกรรมพบปะสังสรรค์ ให้เน้นการอยู่ในที่พักอาศัย

นอกจากนี้นับตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 มี.ค.จนถึงปัจจุบัน ยังพบมีสถานประกอบการฝ่าฝืนคำสั่ง ถูกดำเนินคดีตั้งแต่ 20 มี.ค.-16 เม.ย. รวม 62 ราย ร่วม 300 คน ในจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยว เช่น กทม.และปริมณฑล, เชียงใหม่, ภูเก็ต, เกาะสมุย

อย่างเช่นล่าสุดมีการดำเนินคดีกับนักท่องเที่ยว และเจ้าของกิจการที่ทำกิจกรรมมั่วสุมในโรงแรมที่จังหวัดเชียงราย และที่เกาะสมุย, จับกุมความผิดเกี่ยวกับการจำหน่ายหน้ากากอนามัย ตั้งแต่ 4 มี.ค.-16 เม.ย. มีการจับกุม 398 คดี, จับกุมผู้ปล่อยข่าวปลอม (เฟกนิวส์) บิดเบือนข่าว สร้างความสับสนตั้งแต่ 1 มี.ค.เป็นต้นมา รวม 33 คดี ผู้ต้องหา 39 ราย

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า กรณีต้องเดินทางออกนอกเคหสถานในช่วงประกาศเคอร์ฟิว ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดทำแบบฟอร์มกลาง เพื่อเป็นแนวทางในการออกหนังสือรับรองให้ผู้ที่มีความจำเป็นต้องเดินทาง ตามที่ได้รับการยกเว้นในประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน อาทิ แพทย์, พยาบาล, สื่อมวลชน, พนักงานที่เข้ากะกลางคืน

ซึ่งหากต้องผ่านด่านตรวจก็ต้องมีเอกสารรับรองจากต้นสังกัด หรือหลักฐานแสดงความจำเป็นแห่งความจำเป็นต่างๆ ควบคู่กับบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อยืนยันตัวบุคคล และหากเป็นกรณีที่มีเหตุผลความจำเป็นก็จะพิจารณาอนุญาตเป็นรายกรณีไป