เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ประจำวันที่ 13 เม.ย. 63 ว่า ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 48 ของโลก โดยสถานการณ์โควิด-19 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 28 คน รักษาหายกลับบ้านได้ 1,288 คน รวมผู้ป่วยสะสม 2,579 คน เสียชีวิตรวม 40 คน เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย โดยรายที่ 39 เป็นผู้ป่วยชายไทยอายุ 56 ปี มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยได้รับการยืนยันก่อนหน้า และรายที่ 40 เป็นชายไทยอายุ 43 ปี เป็นพนักงานบริษัท มีโรคประจำตัวคือเบาหวาน, ไตวายเรื้อรัง และไขมันในเลือดสูง

โดยมาตราการเคอร์ฟิวรายงานมีการออกนอกเคหะสถาน รวม 820 คนลดลง 108 ราย ชุมนุมมั่วสุม 135 คน ถูกดำเนินคดี 79 คน

ซึ่งการจัดสรรหน้ากากอนามัยในวันที่ 13 เม.ย. 63 มีจำนวนการจัดส่งหน้ากากอนามัน 14 ล้านกว่าชิ้น โดยกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้กระจายหน้ากากอนามัย

นายกรัฐมนตรีมีการให้รายงานมีการตั้งคณะกรรมการต่างๆ เรื่องการดูแลอุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ดูแล เรื่องการผ่อนคลายมาตราการต่างๆ ต้องให้ทางกระทรวงสาธารณสุขตรวจสอบและมั่นใจ ก่อนว่าจะไม่มีผลกระทบ

ซึ่งในการประชุมมีข้อสรุป 7 ด้าน โดยมีข้อสรุปจากสาธารณสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุขยืนยันเรื่องมาตราการการจัดการ เตียง เวชภัณฑ์ กระจายไปยังกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล มั่นใจว่าเพียงพอและรองรับได้

เรื่องของหน้ากากผ้าแจกไปแล้วกว่า 50 ล้านกว่าชิ้น และจะมีการหาสถานที่กักตัวของรัฐ เพิ่ม

มาตราการเดินทางเข้าออก ปลัดกระทรวงการต่างประเทศรายงานมีมาตราการการเดินทางเข้าออก ทยอยคนไทยเดินทางเพื่อลดแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 พบว่า แรงงานข้ามแดนมีการประสานกับประเทศต้นทางเพื่อชะลอการเดินทางเข้ามาในประเทศ โดยก่อนหน้านี้ที่มีแรงงานชายแดนทางบกมีหมื่นกว่าคนที่ติดค้างในตอนนี้ไม่มีแล้ว มีการเพิ่มความเข้มงวดในเรื่องรถรับจ้างขนคนมาทิ้งไว้ที่ชายแดน และมีความเข้มงวดตามด่านช่องทางธรรมชาติ

ด้านการสื่อสารโทรคมนาคมสื่อสังคมออนไลน์ ปลัดกระทรวงดีอีมีการรายงานว่ามีการพัฒนา app คือ app “หมอชนะ” เพื่อรวบรวมข้อมูลเพื่อตรวจสอบความเสี่ยง และ app “DC care” เพื่อดูแลกลุ่มเสี่ยง

ด้านสินค้ายืนยันตอนนี้เพียงพอ แต่มีปัญหาเรื่องการขนส่ง ขอให้มีความมั่นใจว่าดูแลได้ ด้านคมนาคมรายงานการดูแลระบบขนส่งสาธารณสุข ซึ่งขนส่งมวลชนเพิ่มความถี่รถไฟฟ้า

ทั้งนี้ถ้าหากประชาชนมีปัญหาสามารถติดต่อรายงานได้ที่เบอร์ 1111 ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณภาครัฐและเอกชนที่ร่วมใจกันทำให้ผ่านไปได้