เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ถึงมือ 77 ผู้ว่าฯ แล้ว…!! “หน้ากากอนามัย” แจก 4 กลุ่มเสี่ยง ล็อตแรก 1 ล้านชิ้น “กรมการปกครอง” ประสานไปรษณีย์ ส่งวันเดียวถึง “มท.2” เผย ครม.ถกแผนจัดสรร จาก 11 บริษัทผู้ผลิต พร้อมส่ง 2.3 ล้านชิ้น/วัน 1.5 ล้านชิ้น สธ.รับผิดชอบส่ง รพ.- ทีมแพทย์ ส่วนอีก 8 แสน-1 ล้านชิ้น ให้ผู้ว่าฯ กทม.- ผู้ว่า 76 จังหวัด บริหารแจกจ่ายบุคลากรระดับปฏิบัติงาน ที่เหลือแบ่งตามขนาดจังหวัด ดัน “แผนชั่วคราว” ถึง 3 เม.ย. ก่อนสรุปพิจารณาแจกประชาชนทั่วไป เผยล็อตแรก กทม. 1 แสนชิ้น โคราช 4.1 หมื่นชิ้น, เชียงใหม่ 3.5 หมื่นชิ้น สามจังหวัดชายแดนใต้ 5.3 หมื่นชิ้น พบ สิงห์บุรี-สมุทรสงคราม ได้จังหวัดละ 1 พันชิ้น

นนี้ (31 มี.ค.) มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ช่วงบ่ายวันนี้ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย มีหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ให้ดำเนินการตามแนวทางการบริหารจัดการหน้ากากอนามัย (Surgical Mask) และเวชภัณฑ์ สำหรับกลุ่มเสี่ยงของจังหวัด ไปยังที่ทำการปกครองจังหวัดและอำเภอ หลังรัฐบาลได้เปลี่ยนแผนการจัดสรรหน้ากากอนามัยที่มีกำลังการผลิตจากโรงงานทั้ง 11 โรงงาน วันละ 2.3 ล้านชิ้น โดยแบ่งการบริหารจัดการโดย 2 หน่วยงานหลัก คือ กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 1.3 ล้านชิ้น ที่นำไปให้แก่สถานพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ 

ส่วนอีก 1 ล้านชิ้น กระทรวงมหาดไทย นั้น กรมการปกครอง รับไปดำเนินการจัดสรรไปยัง 77 จังหวัดทั่วประเทศ ในช่วง 7 วันแรก สำหรับกลุ่มเสี่ยงครอบคลุมพื้นที่ กทม. และ 76 จังหวัด จัดสรรให้กรุงเทพมหานคร ร้อยละ 10 และจังหวัดต่างๆ ร้อยละ 90 โดยการจัดสรรให้จังหวัดพิจารณาตามจำนวนกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ จำนวนผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ใกล้ชิด/สัมผัสผู้ป่วย ผู้ที่ปฏิบัติงานบริการที่ใกล้ชิดกับประชาชน ผู้ปฏิบัติงานที่มีความเสี่ยง และกลุ่มเสี่ยง/กลุ่มเปราะบาง (จัดสรรตามจำนวนประชากร) และ จัดสรรเพิ่มให้แก่จังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดสูง 

หนังสือระบุว่า ให้ที่ทำการปกครองจังหวัด ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานรับผิดชอบการบริหารจัดการหน้ากากอนามัย (Surgical Mask) และเวชภัณฑ์ของจังหวัด ดำเนินการตามแนวทางของกระทรวงมหาดไทยอย่างเคร่งครัด, ให้อำเภอแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจนับหน้ากากอนามัย เพื่อทำการตรวจนับความถูกต้อง ครบถ้วน ของหน้ากากอนามัย ที่ได้รับการจัดสรรจากจังหวัด ในแต่ละวัน และควบคุมการแจกจ่ายให้เป็นไปตามเป้าหมายกลุ่มเสี่ยงทั้ง 4 กลุ่มของอำเภอ

ให้อำเภอจัดทำบัญชีและแผนการแจกจ่ายหน้ากากอนามัย ตามกลุ่มเป้าหมาย และจำนวนที่ได้รับการจัดสรรจากจังหวัด ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยและจังหวัดกำหนด

ทั้งนี้ ขอให้ ปลัดจังหวัด และ นายอำเภอ ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว และดำเนินการให้เป็นไปตามแนวทางที่กำหนดอย่างเคร่งครัด บริสุทธิ์ ยุติธรรม กรณีมีปัญหาอุปสรรค ให้แจ้งกรมการปกครองทราบโดยด่วน

“แต่ละจังหวัดได้รับการจัดสรรจากจำนวน โควตา 1 ล้านชิ้น ที่จำนวนต่างกัน โดยกรุงเทพมหานครได้รับวันละ 100,000 ชิ้น, ส่วนกลุ่มจังหวัดที่ได้รับจัดสรรตั้งแต่ 10,000 ชิ้นขึ้นไปถึง 4 หมื่นชิ้น เช่น จ.นครราชสีมา ได้จำนวน 41,000 ชิ้น, จ.เชียงใหม่ จำนวน 35,000 ชิ้น, จ.ชลบุรี จำนวน 28,000 ชิ้น โดยจังหวัดชายแดนใต้นราธิวาสได้ จำนวน 19,000 ชิ้น จ.ปัตตานี จำนวน 18,000 ชิ้น นอกจากนี้ มีจังหวัดที่ได้รับการจัดสรรหลักพันชิ้นตามสถานการณ์ที่ยังเกิดการแพร่ระบาดไม่มาก เช่น จ.สิงห์บุรี จำนวน 1,000 ชิ้น จ.สมุทรสงคราม จำนวน 1,000 ชิ้น, จ.สตูล จำนวน 2,000 ชิ้น และ จ.ลำปาง 9,000 ชิ้น”

ด้าน นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย กล่าวว่า ครม. ได้หารือและมีการอนุมัติแผนการจัดสรรหน้ากากอนามัยจาก 11 บริษัทผู้ผลิต เพื่อแจกจ่ายให้แก่แพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยหน้ากากอนามัยที่ผลิตและพร้อมส่งมอบได้นั้นมีจำนวน 2.3 ล้านชิ้นต่อวัน

แบ่งเป็น 1.5 ล้านชิ้น จัดสรรให้แก่ แพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ในโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด ส่วนอีกจำนวน 8 แสนชิ้น จัดสรรให้แก่ ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ และผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด นำไปแจกจ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานกลุ่มเสี่ยงติดโรคโควิด-19 

สำหรับผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ จะได้รับมอบจำนวน 10% หรือ 8 หมื่นชิ้นจากยอด 8 แสนชิ้นของทุกจังหวัด ส่วน อีกประมาณ 7.2 แสนชิ้น จะแบ่งสรรตามสัดส่วนของขนาดแต่ละจังหวัด

ในส่วนของการส่งมอบหน้ากากอนามัยนั้น จะดำเนินการโดยบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด โดยได้มีการส่งมอบไปแล้วตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค. 63 ที่ผ่านมา ซึ่งแผนการจัดสรรในช่วงแรก (แผนชั่วคราว)​นี้ จะดำเนินการไปจนถึงวันที่ 3 เม.ย.63 และหลังจากนั้น จะมีการหารือและข้อสรุปของการดำเนินการตามแผนอีกครั้ง เพื่อพิจารณาจัดสรรหน้ากากอนามัยให้แก่ประชาชนต่อไป

*******************************

(ขอขอบคุณเรื่องจาก ผู้จัดการออนไลน์)