เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

‘สาธิต’ เผย สธ. เตรียมใช้โรงแรมเก่ารองรับ จำนวนผู้ป่วยพุ่ง

ชี้ หากไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ก็ไม่ต้องไปตรวจให้เสียเงิน

มื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 17 มีนาคม ที่ทำเรียบรัฐบาล นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงมาตราการการรักษาในโรงเรียนแพทย์ โรงพยาบาลทหาร โรงพยาบาลเอกชน และโรงพยาบาลในสังกัด กทม. ว่า

ได้มีการหารือและสรุปมาตราการในทุกโรงพยาบาลที่รับรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะต้องรักษาให้หาย เพราะในอนาคตจำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มมากขึ้น เมื่อมีมาตรานี้ออกมาจึงต้องเตรียมห้องรองรับผู้ป่วยหนัก และเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์

หากมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นก็จะต้องมีการเตรียมโรงพยาบาลสนาม ซึ่งอาจจะต้องใช้สนามกีฬาเป็นที่ตั้ง และในวันพรุ่งนี้ (18 มีนาคม) จะมีการประชุมเพื่อหารือเรื่องการบริหารจัดการผู้ป่วยติดเชื้อ แต่ขอย้ำว่าผู้ป่วยติดเชื้อ 80 เปอร์เซ็นต์ มีอาการไม่รุนแรง มีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่มีอาการหนัก แต่ก็ขึ้นอยู่กับโครงสร้างร่างกาย และโรคประจำตัวของผู้ป่วย ซึ่งอัตราการเสียชีวิตของเรายังไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์

ทั้งนี้เรากำลังประสานไปยังเจ้าของโรงแรมเก่าๆ หรือโรงแรมที่บริหารไม่สำเร็จ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ประมาณ 2,000 ห้อง เพื่อรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่อาการไม่รุนแรง กรณีมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากขึ้น หากโรงแรมใดต้องการเข้าร่วมโครงการโรงแรมช่วยชาติ ช่วยวิกฤตโควิด-19 สามารถมาสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่กระทรวงสาธารณสุข

โดยภาครัฐจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ซึ่งทางกระทรวงฯ จะประสานของบกลาง พร้อมทั้งจะทำความเข้าใจกับประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณโดยรอบโรงแรมนั้นๆ ด้วย เมื่อหาโรงแรมได้จะส่งเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปจัดเตรียมสถานที่

เมื่อถามว่า มีประชาชนบริเวณรอบโรงพยาบาลที่ใช้เป็นศูนย์รับรักษาผู้ป่วยติดเชื้อออกมาต่อต้าน นายสาธิต กล่าวว่า ต้องช่วยกันทำความเข้าใจ ถ้าเราปฏิเสธปัญหา ไม่ให้ใครที่ติดเชื้อมาใกล้เรา และไม่ได้รับการรักษาดูแล ไม่ได้รับการจำกัดบริเวณ

ตัวเลขของการติดเชื้อก็จะมุดลงดิน การแพร่ระบาดของเชื้อก็จะแพร่กระจาย และย้อนกลับมาหาทุกคน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของทุกคนในประเทศที่จะต้องทำความเข้าใจ แม้จะปัดขยะออกจากตัวเอง สุดท้ายขยะจะกลับมาที่บ้าน เพราะตอนนี้ถือเป็นวาระแห่งชาติที่เราต้องช่วยกันในแง่ของจิตสำนึก

เมื่อถามว่า มีการเรียกร้องขอตรวจจากคนที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง นายสาธิต กล่าวว่า ขณะนี้ให้ตรวจฟรีอยู่แล้ว แต่ให้เฉพาะบุคคลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น บุคลาการทางการแพทย์ กลุ่มบุคคลที่กลับจากประเทศที่มีการระบาดของเชื้อ และบุคคลใกล้ชิดกับคนที่ติดเชื้อ ซึ่งการจะวินิจฉัยว่าจะอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ต้องให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัย ไม่เช่นนั้นคน 30 ล้านคนจะไปขอตรวจก็คงไม่ได้

เพราะการตรวจต้องให้เวลาประมาณ 1 วัน และอาจจะไปกินสิทธิ์ของผู้ป่วยจริงๆ รวมทั้งทำให้กระบวนการรอคิวนานขึ้น และหากมีกลุ่มผู้ต้องสงสัยจำนวนมากขึ้น ก็จะยิ่งทำให้เกิดการแพร่เชื้อเพิ่มขึ้นแทน ถ้าคิดแบบนี้จะทำให้เกิดปัญหาทั้งระบบ รวมทั้งจะเพิ่มงบประมาณในการจัดการเรื่องโรคระบาดวิทยา ต้องมีเหตุผลและตั้งสติให้ดี

เมื่อถามว่า ถ้าหากพบว่าเป็นกรณีเดียวกับนายแมทธิว ดีน ดารานักแสดง ที่ไปตรวจเอง ประชาชนสามารถไปขอตรวจและทางรัฐบาลจะลดราคาค่าตรวจลงได้ หรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า กรณีนี้ไม่ได้เข้าระบบของสาธารณสุข ถ้าเขาสงสัยและเป็นไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลเอกชน เมื่อรู้ผล โรงพยาบาลเอกชนต้องส่งผลมาให้กระทรวงสาธารณสุขภายใน 3 ชั่วโมง

หากพบว่าติดเชื้อต้องมาเข้าสู่ระบบที่โรงพยาบาลรัฐ ซึ่งจะมีสิทธิ์รักษาฟรีทันที ส่วนบุคคลกลุ่มเสี่ยงที่อยู่รอบตัวนายแมทธิว จะได้รับการดูแล กรณีผู้ป่วยที่ผ่านมา ไม่มีใครไปโพสต์ออกสื่อสาธารณะ เพราะพ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ ต้องเก็บชื่อไว้เป็นความลับ ไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ แต่สิ่งที่นายแมทธิวไปโพสต์ ก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่จะทำให้เกิดการตื่นตระหนก

ซึ่งขณะนี้ค่าตรวจของโรงพยาบาลรัฐอยู่ที่ราคา 1,500-2,000 บาท ส่วนโรงพยาบาลเอกชน เราได้เรียกประชุม และขอความร่วมมือไปแล้วให้มีการลดราคา เพื่อให้คนได้เข้าถึงมากขึ้น แต่ก็ไม่แนะนำว่าให้ทุกคนไปตรวจ ถ้าไม่มีความเสี่ยงจะไปตรวจเพื่ออะไร เว้นแต่รวยแล้วอยากไปตรวจ และเสียเงิน ก็อย่าบ่น

 

**********************************

(ขอขอบคุณเรื่องจาก ข่าวสด)