เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

แหล่งข่าวในกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมซักซ้อมแผนการปฎิบัติการตามประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ซึ่งมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน จะมีการหารือร่วมกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการบิน ภาคเอกชนสายการบินต่างๆ รวมถึงคณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบินกรุงเทพ หรือ (เอโอซี-AOC)

สำหรับประเด็นที่จะมีการหารือเพื่อพิจารณาการซักซ้อมมาตรการต่างๆ ที่ กพท.ได้ออกประกาศไปก่อนหน้านี้ หลักๆ คือ ผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยโดยสายการบิน ก่อนที่จะซื้อตั๋วโดยสารจะต้องมีใบรับรองแพทย์ และเมื่อไม่มีใบรับรองแพทย์ หากเข้ามาจะต้องถูกตัวนั้น ในเรื่องนี้ยังพบว่า มีความสับสนและประชาชนผู้เดินทางยังไม่เข้าใจแนวทางปฏิบัติ

มีรายงานว่า ในส่วนของผู้ประกอบการสายการบินเอกชน, ผู้แทนสมาคมธุรกิจการบินประเทศไทย ได้เตรียมข้อเสนอให้แก่ภาครัฐพิจารณา ประกอบสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะนี้ที่เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น หากปัญหายืดเยื้อและมีการระบาดในประเทศหนัก ก็จะเกิดความเสียหายต่อธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศอย่างใหญ่หลวง โดยผู้บริหารของสมาคมที่มีสมาชิกสายการบิน 94 แห่ง รายหนึ่งระบุว่า สถานการณ์ด้านการบินทั่วโลกขณะนี้มีประเทศอย่างน้อย 12 ประเทศทำการปิดประเทศ ในส่วนนี้ต้องยอมรับว่าเมื่อมีการเดินทางน้อยลง ธุรกิจสายการบินคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องได้รับผลกระทบอยู่แล้ว แต่ก็เป็นโจทย์สำคัญให้ผู้บริหารประเทศทั่วโลกต้องมาคิดว่า จะมีมาตรการเบ็ดเสร็จอย่างไรที่ทำให้ปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 จบเร็ว ไม่ยืดเยื้อ

ผู้บริหารสมาคมการบินรายหนึ่ง กล่าวว่า “มีข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจการบินขณะนี้เห็นว่า ตอนนี้บางเที่ยวบินก็มีคนบินน้อยมาก พูดง่ายๆ ว่าลูกเรือกับผู้โดยสารจำนวนใกล้เคียงกัน แต่บางสายการบินก็ยังจำเป็นต้องทำการบินทั้งที่ขาดทุน ข้อเสนอที่จะให้รัฐบาลพิจารณาขณะนี้ คือ อาจจำเป็นต้องมีการปิดประเทศและพรมแดนของไทยเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อให้ระบบสาธารณสุขของประเทศ ได้ทำงานกับภาระผู้ป่วยที่มีในขณะนี้ได้อย่างเต็มที่ เพราะหากยังเปิดบริการการบินทางอากาศ มีการบินไปมาและมีผู้ติดเชื้อใหม่เดินทางเข้ามาทุกวัน สุดท้ายก็จะคุมการระบาดได้ยาก”

ทั้งนี้ ทางผู้บริหารธุรกิจสายการบิน ยังระบุต่อว่า ในขณะนี้ผู้บริหารธุรกิจการบินเห็นตรงกันว่า จำเป็นต้องพักเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจไว้ก่อน แต่เอาความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศเป็นตัวตั้ง เพราะหากการระบาดกระจายเป็นวงกว้าง และระบบสาธารณสุขของไทยไม่สามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีภาระผู้ป่วยมากเกินไป สุดท้ายหากปัญหาลากยาว ธุรกิจทุกประเภทและเศรษฐกิจก็จะได้รับความเสียหายอยู่ดี

“ยืนยันว่าแนวคิดดังกล่าวไม่ใช่ความตื่นตระหนกจนเกินเหตุ แนวคิดเรื่องการปิดประเทศ ปิดเมือง จะเห็นว่ามีหลายประเทศหลายเมืองนำมาใช้ ถือเป็นมาตรการที่จัดการหนักในครั้งเดียว และเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ก็เริ่มผ่อนคลายมาตรการลง คือ เริ่มจากหนักไปเบา แต่หากประเทศไทยทำกระจายเป็นส่วนๆ ปิดเฉพาะบางชุมชนบางพื้นที่ หรือทำจากเบาไปหาหนักในสถานการณ์การคุมโรคระบาดนั้น คงเป็นเรื่องที่จะประสบความสำเร็จได้ยากในเวลาอันสั้น อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดคนตัดสินใจ คงต้องเป็นนโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาลเอง”