เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

พบศพชายนอนตายในซอยวิภาวดี 42 กทม.ข้างศพมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ คล้ายเพิ่งมาจากต่างประเทศ ล่าสุด ยืนยันแล้วเป็นชาวเชียงใหม่มาหาญาติในกทม. ป่วยหลายโรคทั้งความดัน หัวใจ เบาหวาน สาเหตุตายไม่น่าเกี่ยวกับโรคระบาด

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 6 มี.ค. ร.ต.อ.นพดล สังดวง รอง (สอบสวน) สน.พหลโยธิน ได้รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตบริเวณกลางซอยวิภาวดีรังสิต42 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยแพทย์เวรนิติเวช รพ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุริมถนนพบศพนายปริญญา เฮงเจริญ อายุ 44 ปี สภาพศพนอนตะแคงซ้าย เสื้อแจ็กเก็ตสีดำคาดเหลือง กางเกงขายาวสีดำตามร่างกายไม่พบบาดแผลเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2-3 ชั่วโมง ที่ตัวพบกระเป๋าสะพาย มีบัตรเอกสารต่างๆ และยาพ่นสำหรับโรคหอบหืด กระเป๋าเป้คาดหลังมีเสื้อผ้าและยารักษาโรคหลายชนิด และยังพบกระเป๋าเดินทางล้อลากอยู่ใกล้ศพ ข้างในมีเสื้อผ้าจำนวนมาก

จากการสอบสวนพยาน ทราบว่า หลังจากพบว่ามีผู้เสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางมาปิดกั้นพื้นที่ทันที และมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิ นำผ้ามาคลุมร่างผู้เสียชีวิต เบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายได้เดินทางมาหาเจ้าของบ้านเป็นชาวญี่ปุ่น ซึ่งมีบ้านอยู่ห่างจากจุดพบศพประมาณสอง-สามหลัง โดยชาวญี่ปุ่นรายนี้ อาศัยอยู่กับลูกและภรรยา ซึ่งเป็นญาติของผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ทราบว่า ผู้เสียชีวิตมีโรคประจำตัวหลายโรค และส่วนตัวก็ไม่ได้กังวลว่า การเสียชีวิตครั้งนี้ จะเกี่ยวข้องกับเชื้อโควิด-19 ที่กำลังเป็นข่าวระบาดหนักอยู่ในขณะนี้

ทางด้านนางผุสศรี นากามูระ อายุ ป้าผู้ตาย ให้การว่า เมื่อคืนวันที่ 5 มี.ค. ผู้ตายได้เดินทางมาจาก จ.เชียงใหม่ เพื่อมาอาศัยอยู่ด้วยกัน โดยผู้ตายมีประวัติการรักษาตัวที่รพ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เป็นโรคหัวใจ ความดัน เบาหวาน และยังเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง ไม่มีประวัติการเดินทางไปต่างประเทศ ทั้งนี้ ตนมีสามีเป็นชาวญี่ปุ่นและมีลูกด้วยกันอาศัยอยู่บ้านห่างจากจุดพบศพเพียงไม่กี่หลัง

ขณะที่ ร.ต.อ.นพดล  กล่าวว่า ผู้ตายน่าจะเสียชีวิตจากโรคประจำตัวหลายโรค ซึ่งผู้ตายเดินทางมาจาก จ.เชียงใหม่ และมาเสียชีวิตก่อนถึงบ้านป้า ประมาณ 100 เมตร ทั้งนี้ ได้มอบศพให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ นำศพส่งชันสูตรสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริง ก่อนให้ญาติรับศพกลับไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป