เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ที่ศูนย์อนาคตใหม่ ฝั่งธนบุรี จัดเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภา โดยมีอดีตส.ส.ของพรรค นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ และประชาชนเข้าร่วมรับฟังอย่างคับคั่ง โดยน.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีตส.ส. พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบเพราะแทนที่จะอภิปรายต่อหน้าสภาผู้แทนราษฎร กลับเป็นโอกาสได้อภิปรายต่อหน้าประชาชนคนไทย ไม่จำเป็นต้องทำต่อหน้าผู้แทนเท่านั้น ซึ่งถือเป็นเวลากว่า 6 ปีที่ไม่มีการอภิปราย และไม่มีการตรวจสอบถ่วงดุล เป็นเวลากว่า 6 ปี ที่เรื่องสกปรกต่างๆ ถูกซุกไว้ใต้พรม ดังนั้นตั้งแต่วันพรุ่งนี้ฝ่ายค้านจะได้อภิปรายสิ่งที่หมักหมกมาตั้งแต่ยุคคสช.จนถึงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงเชื่อว่าเรื่องอภิปรายส่วนใหญ่เกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศที่มีเรื่องทุจริตบกพร่องมากมาย วันนี้ตนจะมาเปิดเผยเรื่องที่หลายคนไม่รู้มาก่อนว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ปกปิดไว้

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกระทำการปกปิดขอเท็จจริงเกี่ยวกับอาชญากรรมการเงินที่ใหญ่สุดในโลกและถือเป็นการปล้นภาษีของชาวมาเลเซียครั้งใหญ่ที่สุด ซึ่งคดีอื้อฉาว1MDB นี้เป็นกองทุนที่นายนาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ก่อตั้งขึ้น ซึ่งต่อมาพบว่ามี 1.4 แสนล้านบาทถูกสูบไปจากกองทุนดังกล่าวและพบว่ามีการสอบสวนพบหลักฐานการฟอกเงินและการยัดยอกเงินจากกองทุนดังกล่าวไปเข้ากระเป๋าผู้มีอิทธิพลไม่กี่คน และการยักยอกเงินจากกองทุนดังกล่าวเกี่ยวพันหลายประเทศ

ซึ่งในส่วนของประเทศไทยเราพบหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์อาจมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำดังนี้ 1.อาจปกปิดข้อเท็จจริงกรณีอาชญากรรมการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากการรับรู้ของประชาชนคนมาเลเซีย คนไทยและประชาคมโลก 2.อาจบิดผันกระบวนการยุติธรรมเอาคนบริสุทธิ์เข้าคุกและปล่อยให้อาชญากรรมข้ามชาติลอยนวล 3.อาจให้ที่พักพิง หลบซ่อนตัวแก่ผู้ต้องหาที่มีหมายจับแดงจากอินเตอร์โพล หรือตำรวจสากลที่เป็นที่ต้องการตัวในหลายประเทศ และ4.อาจเป็นการบ่อนทำลายความสัมพันธ์อันดีกับชาติพันธมิตรของไทย

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามต้องย้อนกลับไปตอนมีการรัฐประหารปี 2557 ซึ่งขณะนั้นรัฐบาลพ.อ.ประยุทธ์ โหยหาการยอมรับจากทั้งในและต่างประเทศ จึงเห็นนโยบายต่อประเทศที่หงอยอมทำทุกอย่างให้ได้รับการยอมรับจากผู้นำโลก ซึ่งในช่วงปี 2557 ตรงกับที่นายนาจิบ กำลังร้อนที่นั่งและสั่นคลอน เนื่องจากมีความพยายามขุดคุ้ยคดีอื้อฉาว1MDBนี้ ในเวลานั้นผู้นำที่โหยหาความยอมรับจึงเจอกับพันธมิตรมืดระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ และนายนาจิบ โดยมีหลักฐานสำคัญเป็นภาพการเยือนทางการครั้งแรกของผู้นำระดับสูงของต่างประเทศ โดย 4 สัปดาห์หลังรัฐประหารผบ.สส.มาเลเซียเดินทางมาพบพล.อ.ประยุทธ์ นั่นอาจเป็นการก่อกำเนิดพันธมิตรมืดหรือไม่ หลังจากนั้นก็มีการใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ จากกรณีที่ต่อมาตำรวจไทยได้จับกุมนายชาเบียร์ ฆุสโต ผู้เปิดโปงข้อมูลการทุจริต1MDB โดยตั้งข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ ซึ่งถือว่าบังเอิญการจับกุมนี้เกิดหลังจากนายชาเบียร์เปิดคดีอื้อฉาว อีกทั้งมีหลายอย่างผิดปกติคดีนี้ อาทิ มีหลักฐานบ่งชี้ว่า อดีตสกอตแลนด์ยาร์ดกับตำรวจไทยกดดันนายชาเบียร์ ให้ยอมรับสารภาพความเท็จ และการที่FBI ถูกปฏิเสธคำขอเข้าสอบ รวมทั้งนายชาเบียร์ ไม่ถูกโอนตัวกลับไปรับโทษที่สวิตเซอร์แลนด์ตามที่ควรจะเป็น

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า รวมถึงคดีนี้มีความผิดปกติอื่นๆ ตั้งแต่ขั้นตอนของตำรวจ เรือนจำ รวมถึงรัฐมนตรีในกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติขึ้นตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรี ดังนั้นใครสั่งทั้งหมดได้ถ้าไม่ใช่พล.อ.ประยุทธ์ นอกจากนี้ยังมีกรณีนายโจ โล คนสนิทของนายนาจิบ ที่มีการออกหมายแดงของตำรวจสากลเพื่อติดตามตัว แต่ไม่เคยมีหลักฐานปรากฏว่ารัฐบาลไทยได้แจ้งต่อประเทศใดว่าโจ โล เข้า-ออกเมืองไทยและไม่ได้ปฏิเสธการขอเข้าประเทศของบุคคลที่มีหมายแดง ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดข้อสงสัยได้ว่ารัฐบาลไทยมีส่วนช่วยในการปกปิดคดีอื้อฉาว พร้อมขัดขวางกระบวนการยุติธรรมของต่างประเทศหรือไม่

ทั้งนี้ตนยืนยันหลักฐานทั้งหมดได้รับการรับรองจากศาลสวิตเซอร์แลนด์แล้วว่าเป็นข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตามแม้นายนาจิบ จะไปแล้วแต่พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่ ครั้งนี้จึงเป็นการเริ่มต้นเรียกร้องให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ตอบข้อสงสัยของสังคมและรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ เพราะถ้าเป็นรัฐบาลของอนาคตใหม่ก็จะทำเช่นนี้ได้ แต่เมื่อพรรคถูกยุบก็ขอฝากความหวังที่ประชาชนในการเรียกร้องหาความจริงให้เรื่องนี้มีคำตอบต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการเปิดเอกสารและคลิปเสียงสนทนาที่เกี่ยวข้องกับคดีประกอบในการอภิปรายนอกสภาดังกล่าวด้วย