เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

หลังจากที่ทางภาครัฐออกนโยบายรณรงค์งดใช้ถุงพลาสติก หลาย ๆ ภาคก็ออกมาขานรับกันเป็นอย่างดี แต่กลับมีประเด็นร้อนที่ต้องถกเถียงกันจากผลนโยบายนี้ โดยเมื่อวันที่ 7 กพ. 2563 มีสมาชิกเว็บไซต์พันทิปคนหนึ่งได้ออกมาตั้งกระทู้ระบาย ระบุว่า เธอทำงานอยู่ที่ห้างแห่งหนึ่ง ก่อนหน้านี้ก็ใช้ถุงพลาสติก แต่เมื่อมีการรณรงค์ เธอก็หันมาใช้ถุงช้อปปิงที่เป็นล้อลากซึ่งเป็นของที่ทางห้างให้เป็นของสมนาคุณ แต่กลับถูกเรียกค่าปรับ 3 หมื่นกว่าบาท เพราะเธอทำให้กระเบื้องยางของพื้นห้างเป็นรอยโดยไม่ได้ตั้งใจ หญิงสาวท่านนี้จึงออกมาโพสต์และถามความเห็นจากชาวเน็ต เมื่อเธองดใช้ถุงพลาสติก และหันมาใช้ถุงชอปปิ้งแบบล้อลากแทนแต่กลับต้องมาเป็นหนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ และค่าเสียหายมากเกินไปหรือไม่กับเธอที่เป็นเพียงพนักงานในห้างที่เงินเดือนไม่มากนัก

สำหรับค่าเสียหายนั้น ที่ทางห้างแจ้งมาคือ ค่าขัดทำความสะอาดพื้น 346 แผ่น และเปลี่ยนใหม่ 216 แผ่น เมื่อเธอได้เจรจากับห้างในอีกวัน ทางห้างลดค่าเสียหายเหลือประมาณ 15,000 บาท แล้วบอกให้เซ็นรับผิด ถ้าไม่จ่ายจะปรับวันละ 1,000 บาท และอาจจะตัดไฟร้านของเธอด้วย

จากนั้นข่าวนี้ก็แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว ในโลกโซเชียลวิพากษ์กันถึงความเหมาะสมเรื่องราคาค่าเสียหายที่สูงเกินจริงเมื่อเทียบกับรูป และแสดงความเห็นแนะนำเจ้าของกระทู้ในเรื่องการซ่อมแซมด้วยการเช็ดขัดถู พร้อมทั้งเรียกร้องให้หญิงสาวรายนี้แจ้งสคบ.เพื่อความเป็นธรรม เมื่อการโพสต์แพร่กระจายมากขึ้นจึงเริ่มมีการบอกใบ้ระบุกันว่าเป็นห้างแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว ชาวโซเชียลต่างเกรงว่าจะไปเดินห้างแล้วพลาดโดนเสียค่าปรับ บางเสียงกล่าวไปถึงพื้นห้างที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมทั้งผู้ที่ออกมายืนยันว่าการปรับแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกและเคยมีผู้ที่ถูกปรับมาแล้วในเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันโดยห้างแห่งนี้ ยิ่งโหมกระพือให้ชาวโซเชียลต่างตกใจและคอมเมนท์ว่าจะไม่ไปใช้บริการที่ห้างแห่งนี้อีกแล้ว

 

จากนั้นห้างที่ได้รับผลกระทบและชาวเนตกำลังสงสัยและพุ่งเป้าไปนั้นก็ได้เฉลยให้หายสงสัย โดยทางห้างยูเนี่ยนมอลล์ได้โพสต์แถลงการณ์เรียนสื่อมวลชนในคืนวันที่ 8 กพ.2563 ใจความกล่าวถึงพนักงานสาวท่านนี้ใช้กระเป๋าล้อลากในน้ำหนักที่เกินกำหนดและลาก 2 ล้อซึ่งผิดวิธี จนเกิดความเสียหายกับพื้นกระเบื้องของห้างเป็นมูลค่า 15,172.60 บาท ซึ่งระบุว่าความผิดของพนักงานสาวท่านนี้โดยได้มีการเซ็นตกลงยินยอมชดใช้แล้ว

หลังการแถลงครั้งนี้ ชาวโซเชียลกลับวิพากษ์วิจารณ์กันอีกระลอก เพราะต่างกลัวว่าถ้าเข้าไปใช้บริการจะโดนค่าปรับเมื่อเกิดความเสียหายกับพื้นห้าง และยังมีหลายรายที่คอมเม้นท์ว่าเคยโดนปรับแบบนี้เช่นเดียวกัน รวมทั้งยังมีการตั้งข้อสังเกตในเรื่องน้ำหนักเกินที่ระบุว่าสรุปแล้วพื้นห้างไม่ได้มาตรฐาน บอบบางเกินไปหรือไม่สำหรับการใช้งาน เรียกได้ว่าต่างคอมเมนท์ไปในทิศทางที่ตั้งคำถามและอยากได้คำตอบที่ชัดเจนว่า สรุปแล้วรับน้ำหนักได้เท่าไหร่ ใช้รถล้อลากได้หรือไม่ และถ้าไปทำพื้นเป็นรอยจะโดนปรับหรือไม่

จนกระทั่งวันที่ 9 กพ. 2563 ทางด้านบริษัทของหญิงสาวรายนี้ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ โดยระบุแสดงความรับผิดชอบในเหตุการณ์ครั้งนี้ของพนักงานเอยาคลินิก โดยขอชดใช้ค่าเสียหายแทนในราคาที่เป็นธรรมจึงเรียกร้องให้มีการเจรจากันใหม่ พร้อมทั้งแย้งประเด็นเรื่องน้ำหนักในถุงล้อลากว่าทางห้างแถลงไม่เป็นความจริง เนื่องจากจริงๆแล้วใส่ลงไปราว 12 กิโลกรัมเท่านั้นโดยรถล้อลากก็ได้มาจากทางห้างแจกให้ใช้งานและอยู่ในสภาพใช้งานได้ปกติ

ชาวเนตออกมากล่าวชื่นชมที่พนักงานสาวได้รับการช่วยเหลือและเรียกร้องให้ทางคลินิกได้รับความเป็นธรรมในจำนวนเงินค่าเสียหายในครั้งนี้ ทางผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปถึงผลของการเจรจาของทั้ง 2 ฝ่าย ทราบว่ามีการตกลงการชดใช้ค่าเสียหายในจำนวนเงินราว 13,000 บาทเพื่อเป็นการจบเรื่องราวทั้งหมด แต่ประเด็นที่สังคมและผู้บริโภค

อยากรู้ว่า ถ้าลูกค้าไปใช้บริการแล้วเกิดพื้นห้างเสียหายเป็นรอยจะต้องทำการชดใช้ค่าเสียหายใช่หรือไม่ พื้นห้างมีความทนทานรับน้ำหนักได้เท่าไหร่ และประเด็นสำคัญที่ชาวโซเชียลสงสัยว่าแล้วลูกค้าสามารถนำรถล้อลากมาใช้ในห้างแห่งนี้ได้หรือไม่เพราะต่างก็กลัวโดนปรับเหมือนอย่างในเคสนี้ รวมไปถึงซึ่งเป็นประเด็นที่ยังไม่ได้รับคำตอบชี้แจงจากทางห้างแต่อย่างใด