เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 27 มกราคม 2563 พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชานายกรัฐมนตรีได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณี ‘ไวรัสโคโรนาและฝุ่น PM2.5’ ความว่า กรณีการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขได้ยกระดับศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน ด้านการแพทย์และสาธารณสุขให้เป็นระดับ 3 เพื่อความเหมาะสมต่อสถานการณ์ โดยได้ยกระดับระบบการเฝ้าระวัง ค้นหาและคัดกรองผู้ติดเชื้อ และมีโอกาสติดเชื้อในทุกช่องทางเข้า-ออกประเทศ ทั้ง 5 สนามบิน บริเวณชายแดนทางบก และท่าเรือต่างๆ

พลเอกประยุทธ์เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานชี้แจงสถานการณ์ตามข้อเท็จจริง โดยไม่ปิดบังข้อมูลใดๆ และยึดหลักการว่า “ชีวิตและสุขภาพของประชาชนสำคัญที่สุด ขอให้มั่นใจว่าการดำเนินงานของรัฐบาลอยู่ในระดับมาตรฐานสากล” พร้อมชี้ว่า ไทยมีระบบสาธารณสุขและการแพทย์ที่มีมาตรการเฝ้าระวังและการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ติดอันดับ 6 จาก 195 ประเทศ จากการจัดอันดับโดยมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกิ้น

พลเอกประยุทธ์กล่าวว่าขณะนี้ทางการพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาแล้ว 8 ราย ซึ่งล้วนติดมาจาประเทศจีน โดย 5 รายหายแล้ว เหลืออีก 3 ราย ที่ยังคงรับการรักษาในโรงพยาบาล

สถานการณ์โดยรวมขณะนี้ถือว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ 100% แต่เราต้องไม่ประมาท เราต้องช่วยกันสอดส่อง เป็นหูเป็นตา ในการเฝ้าระวังและดูแลตัวเอง ให้ความร่วมมือกับทางการ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นโรคที่ป้องกันได้ โดยขอให้ทุกคนดูแลสุขภาพให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงอยู่ใกล้ชิดกันกับผู้ที่มีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ เน้นดูแลสุขอนามัยเรื่อง “กินร้อน ช้อนกลางล้างมือ และสวมหน้ากากอนามัย””

ทั้งนี้ รัฐบาลกำลังประสานงานอย่างใกล้ชิดกับทางการจีนเพื่อที่อพยพชาวไทยออกจากพื้นที่เสี่ยงในจีน และพร้อมจะเริ่มอพยพทันทีที่ทางการจีนอนญาติ อย่างไรก็ตาม พลเอกประยุทธ์ห่วงว่า ‘ข่าวปลอม’ หรือข่าวที่มีเนื้อหาคลาดเคลื่อนอาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดได้ จึงขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น โดยสามารถสอบถามโดยตรงได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ปล่อยข่าวปลอม

ด้านปัญหา PM 2.5 พลเอกประยุทธ์กล่าวว่ารัฐบาลได้ประกาศให้การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ โดยเน้นการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ ป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง และเพิ่มประสิทธิภาพระบบ เครื่องมือและกลไกบริหารจัดการทุกกระทรวง

ทั้งนี้ รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชจังหวัดและผู้ว่ากรุงเทพใช้ระบบบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จ บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดในการกำกับดูแลควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่นละอองทุกแหล่ง ทั้งนี้ ต้องรายงานผลกับกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง ‘ทุกวัน’

ทางด้านการคมนาคม รัฐบาลมีแผนเร่งการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะให้เชื่อมโยงกันทุกระบบ ปรับปรุงมาตรฐานการระบายมลพิษจากรถยนต์และรถโดยสารสาธารณะ ปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง และส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า

สำหรับภาคการเกษตรจะรณรงค์ให้ใช้ประโยชน์จากเศษวัสดุการเกษตร เพื่อลดการเผา รวมทั้งส่งเสริมเกษตรกรที่ไม่ใช้วิธีการเผา พลเอกประยุทธ์ยังเรียกร้องให้โรงงานเอกชนจัดหาเครื่องจักรที่มีราคาสูงให้ประชาชนและเกษตรกร นอกเหนือจากการสนับสนุนจากภาครัฐ

สำหรับภาคอุตสาหกรรมจะปรับปรุงมาตรฐานการระบายมลพิษทางอากาศจากโรงงานอุตสาหกรรมให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล และกำกับดูแลควบคุมการระบายมลพิษอย่างเข้มงวด

และด้านสาธารณสุข ได้มีการเปิดคลินิกมลพิษเพื่อรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง มีการขอความร่วมมือจัด clean room ตามศูนย์เด็กเล็ก บ้านพักคนชรา และโรงพยาบาลทั่วประเทศ รวมไปถึงการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนสามารถประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพด้วยตนเอง

โดยช่วงท้าย พลเอกประยุทธ์ระบุว่า รัฐบาลได้ยกระดับศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (PMOC) ให้สามารถติดตามและประเมินสถานการณ์ รวมทั้งสั่งการอย่างเป็นเอกภาพ โดยตนเองจะเป็นผู้กำกับดูแลปัญหาทั้งสองอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา ชาวทวิตภพได้พากันติดแฮชแท็ก #รัฐบาลเฮงซวย พร้อมแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์แนวทางการแก้ไขปัญหาและนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะในประเด็น PM2.5 ไวรัสโคโรนา และนโยบายชิม ช็อป ใช้อินเตอร์ จนแฮชแท็กดังกล่าวขึ้นอันดับหนึ่งของประเทศไทยในคืนดังกล่าว