เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เว็บไซต์มิเรอร์ เผยเรื่องราวของ แชนนอน คลิฟตัน (Shannon Clifton) สาววัย 19 ปี จากชุมชนแชดเดสเดน ในเมืองดาร์บี ของอังกฤษ เธอได้ออกมาเปิดใจเล่าประสบการณ์สุดเจ็บปวดและโหดร้าย ตกเป็นเหยื่อของ เชน เรย์ คลิฟตัน (Shane Ray Clifton) พ่อแท้ ๆ ที่มาในคราบปีศาจร้าย ทารุณกรรมและข่มขืนนับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่เธออายุเพียง 6 ขวบ จนอายุ 14 ปี รวมเป็นเวลานาน 8 ปี

แชนนอนเล่าว่า เมื่อตอนเธออายุ 5 ขวบ พ่อและแม่แยกทางกัน ทำให้เธอต้องอาศัยอยู่กับพ่อ ตอนแรก ๆ ก็ปกติดี แต่ต่อมาพ่อเริ่มใช้ความรุนแรง ทำร้ายตีเธอ กระทั่งย้ายบ้านไปอยู่ที่แฟลต พ่อเริ่มข่มขืนเธอ เธอพยายามขัดขืนเพราะรู้สึกเจ็บ แต่ก็จำอะไรไม่ค่อยได้เพราะเด็กมาก ตอนนั้นเธอมีรอยเขียวช้ำตามร่างกายไปโรงเรียนทุกวัน แต่ถูกพ่อสั่งให้บอกครูว่า เกิดจากเล่นทะเลาะกันกับลูกพี่ลูกน้อง

หลังจากนั้น พ่อก็พาแชนนอนย้ายกลับมาอยู่บ้านที่เดิม แต่สถานการณ์กลับยิ่งเลวร้ายลง และเธอถูกพ่อข่มขืนถี่ขึ้น จากเมื่อตอนยังเด็ก ๆ เธอจะโดนกระทำนาน ๆ ครั้งหรือสองครั้ง แต่เมื่อเริ่มโตขึ้นก็กลายเป็นทุกวัน และตามมาด้วยวันละหลายครั้ง ทั้งก่อนไปโรงเรียน และหลังกลับมาจากโรงเรียน บางวันก็เป็นกลางดึกระหว่างที่นอนหลับ

แชนนอนเล่าว่า ตอนเด็กเธอไม่เข้าใจหรอกว่า สิ่งที่พ่อทำกับเธอนั้นคืออะไร กระทั่งตอนอายุ 9 ขวบ ที่โรงเรียนเริ่มสอนเรื่องเพศศึกษา ครั้งแรกที่เธอได้ยินเรื่องนี้ คุณครูสอนว่า “อย่าให้ใครมาจับตรงนั้น บริเวณจุดสงวน” เธอรู้สึกช็อกขึ้นมาในทันที เพราะมันคือสิ่งที่ผู้เป็นพ่อทำกับเธอเอง

ตั้งแต่แชนนอนอายุ 9 ขวบ พ่อปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นภรรยา นอกจากเรื่องกามอารมณ์แล้ว เขาให้เธอทั้งทำความสะอาดบ้าน และทำอาหารเย็นไว้รอเขากลับมา จนอายุ 11 ปี เธอเริ่มสังเกตว่าร่างกายมีความผิดปกติเกิดขึ้น เธอรู้ตัว่าน่าจะท้อง แต่พอเธอบอกพ่อ ก็ถูกทุบตีอย่างหนัก เธอรู้สึกสับสนมาก เธอเป็นเด็กที่มีเด็กอีกคนอยู่ในท้อง ก่อนต่อมาเธอจะแท้งลูกไป มาทราบภายหลังว่า อายุครรภ์ประมาณ 28 สัปดาห์

กระทั่งในเดือนธันวาคม 2555 แชนนอนในวัย 12 ปี ตั้งท้องอีกครั้ง และครั้งนี้เธอไม่แปลกใจเลยว่าจะแท้งอีก เพราะสิ่งโหดร้ายที่พ่อทำกับเธอ วันหนึ่งที่เธอไปโรงเรียน คุณครูและนักสงคมสงเคราะห์สังเกตเห็นว่าเธอมีรอยถูกทำร้ายจมูกหัก จึงแยกตัวเธอไป 1 คืน ก่อนวันต่อมาจะส่งตัวเธอคืนกลับไป เธอไม่กล้าบอกอะไรพวกเขามาก เพราะกลัวพ่อมากกว่า กลัวว่าเขาจะเป็นอันตรายกว่าเดิม

เวลาผ่านไป ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิม แชนนอนถูกพ่อย่ำยีทุกคืนวัน โดยฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายมาก พ่อจะพาเธอออกไปข่มขืนที่นอกบ้าน ที่ในสวนบ้าง ในป่าบ้าง คืนไหนหากเขาไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อน ระหว่างทางกลับบ้าน เขาจะจอดรถข่มขืนเธอ แชนนอนเคยต่อสู้ขัดขืนแล้ว แต่มันกลับยิ่งทำให้เธอเจ็บมากขึ้นกว่าเดิม เธอเคยขอร้องให้พ่อหยุด ซึ่งพ่อก็ขอโทษเธอ สัญญาว่าสิ่งต่าง ๆ จะดีขึ้น สัญญาจะไม่ทำอีก แต่หลังจากนั้นแค่ชั่วโมงเดียว พ่อก็ข่มขืนเธออีก เมื่อเป็นเช่นนั้น เธอเลยปล่อยเฉย ๆ ไม่ทำอะไร เพราะคิดว่าน่าจะเป็นอย่างเดียวที่เธอทำได้ และต้องทนอยู่กับสิ่งนี้ไม่มีวันจบสิ้น

2 ปี ต่อมา แชนนอนในวัย 14 ปี ตั้งท้องครั้งที่ 3 ครั้งนี้เธอไม่แท้ง แต่พ่อของเธอข่มขืนเธอไม่หยุดจนเธอท้องแก่ และไม่ให้เธอไปโรงพยาบาล ที่โรงเรียนไม่มีใครผิดสังเกต จนกระทั่งก่อนคลอด 1 สัปดาห์ ครูกับนักสังคมสงเคราะห์เพิ่งจะทราบเรื่อง เมื่อตำรวจโผล่มาที่โรงเรียน แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้จับพ่อของแชนนอน เขาก็พาเธอหนีไป พร้อมกับขู่ว่า ถ้าเธอคลอดเด็กออกมาเมื่อไหร่ เขาจะฆ่าเด็กทิ้งซะ

หลังจากพาแชนนอนหนีไป 1 สัปดาห์ พ่อของเธอไปปรากฏตัวที่ฟิตเนสสาธารณะ มีคนเห็นข่าวตามล่าตัวของเขา จึงแจ้งตำรวจมาจับตัว และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่แชนนอนได้เห็นใบหน้าของปิศาจร้ายผู้อยู่กับเธอมาเป็นเวลายาวนานกว่า 8 ปี แม้เขาจะทำสิ่งเหล่านั่น แต่เขาเป็นเพียงคนเดียวที่เธอเติบโตมา เขาเป็นทั้งหมดที่เธอมี และในขณะเดียวกัน เขาก็พรากชีวิตวัยเด็กของเธอไปด้วย

หลังจากแชนนอนให้กำเนิดลูก เธอก็ยกให้คนอื่นที่พร้อมรับไปเลี้ยง เพราะเธออยากให้เด็กมีชีวิตที่ดี ไม่ต้องมารับเรื่องราวอันน่าอัปยศอดสูนี้ แต่เมื่อเขาเติบโตขึ้น เธอก็ยังอยากที่จะติดต่อและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูก

ในเดือนเมษายน 2558 เชน เรย์ คลิฟตัน ถูกตัดสินจำคุก 15 ปี ก่อนต่อมาจะได้รับการลดโทษเหลือ 10 ปี ซึ่งหมายความว่าเขาอาจจะได้รับการปล่อยตัวโดยมีทัณฑ์บนในเวลา 4 ปี ครึ่ง แชนนอนทราบข่าวนี้ และเธอรู้สึกหวาดกลัว กลัวว่าเมื่อเขาออกมาจะกลับมาทำซ้ำรอยเดิม เธอจึงวางแผนที่จะหนีออกจากเมืองดาร์บีไปอยู่ที่อื่น และอีกอย่างการอยู่ที่เมืองนี้ก็ทำให้เธอหวนนึกถึงฝันร้ายมากเกินไป จนถึงขนาดเคยคิดฆ่าตัวตาย แต่ก็ก้าวข้ามมันมาได้

ปัจจุบัน แชนนอน ศึกษาด้านจิตวิทยานิติวิทยาศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัย Open University และได้เขียนหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง ใช้ชื่อว่า The Monster I Loved (ปิศาจที่ฉันรัก) เธอต้องการเผยแพร่เรื่องราวของเธอเพื่อเป็นพลังและกำลังใจให้กับคนอื่น ๆ สู้ต่อไป แม้จะพบเจออุปสรรคหรือเรื่องเลวร้ายมากเพียงใดก็ตาม และขอให้ผ่านพ้นสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นไปได้ในท้ายที่สุด เช่นเดียวกันกับเธอในวันนี้

 

Cr. Kapook