เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีการพูดคุยหารือกันอย่างกว้างขวางในเรื่องบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ด ประเทศออสเตรเลีย บริษัทแม่ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรี ฟ้องร้องรัฐบาลไทย หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 สั่งปิดเหมืองแร่ทองคำ จังหวัดพิจิตร ทำให้ประเทศไทยเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ โดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม รายงานในเรื่องดังกล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลดำเนินการเจรจาและดำเนินตามกระบวนการกฎหมายมาโดยตลอด และรายงานทางออกในเรื่องดังกล่าว 4 ข้อ

โดยที่ประชุม ครม.รับทราบข้อสรุปทางออกเรื่องดังกล่าว 4 ข้อ ประกอบด้วย 1.จ่ายเงินให้กับบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) แล้วให้เลิกกิจการไป 2.ดำเนินการตามข้อเสนอของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะช่วยให้อาจไม่ต้องจ่ายเงิน 3.รอผลการตัดสินของอนุญาโตตุลาการ แล้วปฏิบัติตาม และ 4.หาช่องจ่ายเงินค่าปรับบางส่วน โดยให้ชดเชยค่าเสียหาย แล้วให้ดำเนินกิจการต่ออย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมีการทักท้วงว่า เมื่อรัฐบาลสั่งปิดกิจการของเหมืองไปแล้ว ไม่เห็นควรที่จะให้มีการดำเนินกิจการต่อไป ดังนั้น ควรหาแนวทางอื่น ซึ่งที่ประชุม ครม.ก็ยังไม่ได้มีข้อเสนอแนะว่าควรใช้แนวทางใด หรือข้อสรุปใดในเรื่องดังกล่าว

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวกลางที่ประชุมว่า ขอเวลาคิดก่อนว่าจะใช้แนวทางใด ซึ่งเวลานี้ยังไม่ขอตัดสินใจ แต่ขอรับผิดชอบด้วยตัวเอง “ผมรับผิดชอบเอง” เพราะเป็นผู้ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ต้น ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย แสดงความเห็นว่า รัฐบาลควรรอผลการตัดสินของอนุญาโตตุลาการก่อน ส่วนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ แสดงความคิดเห็นและเสนอว่าควรจะใช้แนวทางไหนได้บ้าง