เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

จากกรณีน.ส.ดา (นามสมมติ) อายุ 30 ปี พริตตี้สาวเดินทางเข้าพบทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อขอความเป็นธรรมและปรึกษาทางด้านคดีว่า ถูกนายธนณัฎฐ์ สิริปิยพร หรือ ท็อบ อ้างว่าเป็นนักธุรกิจด้านการเงิน หลอกให้แต่งงานจดทะเบียนสมรส จัดงานที่โรงแรมหรู ก่อนจะเลิกลากันและทิ้งหนี้สินค่าใช้จ่ายแต่งงานไว้กว่า 3.5 ล้านบาท

ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ทีวีเดินทางสอบถามนายวสันต์ เทพนคร เจ้าของโรงแรม “อัลวาเรซ” บอกว่า โดยฝ่ายเจ้าบ่าวอ้างว่าทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องบินเช่าเหมาลำไทย-ฮ่องกง แต่ไม่ได้จ่ายเงินมัดจำ อ้างว่ารอเงินจากหุ้นส่วนที่จะโอนมาให้ เสร็จงานแล้วจะเคลียร์ให้ พนักงานฝ่ายขายจึงหลงเชื่อตกลงจัดสถานที่และอาหารให้งบประมาณทั้งหมดกว่า 400,000 บาท กระทั่งเสร็จงานได้ติดต่อสอบถามค่าสถานที่และอาหารจัดงานกับทางเจ้าบ่าวหลายครั้ง กระทั่งปิดโทรศัพท์หนีติดต่อไม่ได้ จากนั้นเจ้าสาวก็ติดต่อมาขอร้องไม่ให้เอาเรื่อง โดยรับปากว่าจะผ่อนจ่ายค่าเช่าสถานที่และอาหารในการจัดงาน จึงยอมให้ผ่อนชำระ โดยเจ้าสาวได้นำเงินมาจ่ายให้ก่อนเบื้องต้น จำนวน 80,000 บาท ส่วนที่เหลืออีกกว่า 300,000 บาท บอกว่าจะทยอยหามาจ่ายให้จนครบ

 

 

จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปสอบถามกับนายสมหมาย (นามสมมติ) อายุ 55 ปี พ่อของน.ส.ดา เล่าว่า ตนเองเคยเห็นลูกเขยหมื่นล้านคนนี้ 2 ครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่พ่อตาของตนเสียชีวิต ซึ่งเขยคนนี้ก็มาร่วมงานศพด้วย ส่วนครั้งที่สองก็ตอนจัดงานแต่งงาน ที่โรงแรมในตัวเมืองจังหวัดบุรีรัมย์ โดยลูกเขยหมื่นล้านรายนี้ เคยบอกกับตนขณะจัดงานศพพ่อตาว่า “รักลูกสาวพ่อมาก” และบอกอีกว่า “เมื่อเสร็จงานศพ ผมจะมาขอลูกสาวพ่อนะ” หลังจากนั้นผู้ชายคนนี้ ก็มาขอลูกสาวของตนแต่งงานจริงๆ โดยตนก็หลงเชื่อเพราะเขยรายนี้อ้างว่า “ผมเป็นที่ปรึกษาของนักการเมือง” (ทักษิณ ชินวัตร) แต่ที่แปลกใจคือตอนที่จัดงานแต่งงาน เห็นญาติฝั่งผู้ชายมาร่วมงานแค่ 10 คน ซึ่งบรรยากาศในงานก็ค่อนข้างใหญ่โต อลังการ ไม่คาดคิดว่าลูกสาวตนจะได้แต่งงานที่ใหญ่โตแบบนี้ แต่พอแต่งงานเสร็จได้ไม่นานมาทราบว่า ผู้ชายคนนี้ก็ได้หายไป บอกว่าจะไปธุระที่ต่างประเทศ ไม่มีใครสามารถติดต่อได้ ทำให้รู้สึกโกรธมากที่มาหลอกลูกสาวตน

ด้านนายหนึ่ง (นามสมมติ) เจ้าของธุรกิจขายก้อนเชื้อเห็ด ซึ่งถูกนายท็อปหลอกเช่นกัน เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตนเริ่มรู้จักกับนายท็อปช่วงต้นปี 2561 ท็อบติดต่อตนผ่านทางเฟซบุ๊กอ้างว่าสนใจจะรับดอกเห็นไปจำหน่าย จึงมีการตกลงทำธุรกิจร่วมกัน จากนั้นก็มีการสั่งดอกเห็ดจากตนราว 30-40 กิโลกรัม ก่อนจะพัฒนาและเพิ่มยอดสั่งมาเรื่อยๆจนถึงหลายร้อยกิโลกรัม ช่วง 1 เดือนแรกที่สั่งสินค้า ยังคงจ่ายเงินตรงตามปกติ จากนั้นช่วงเดือนที่ 2-3 นายท็อปเริ่มสั่งของมากขึ้น แต่จ่ายเงินช้าลง มีทั้งจ่ายไม่ครบ จ่ายไม่ตรงตามนัด รวมทั้งขอติดค้างไว้ก่อน จนกระทั่งยอดเงินที่ติดค้างเพิ่มขึ้นเกือบ 1 แสนบาท ซึ่งตนก็จะทวงถามอยู่บ้าง นายท็อปก็จะหาเงินมาจ่ายคืนบ้างเล็กๆน้อยๆ ก่อนที่จะสั่งเห็ดรอบใหม่ไปอีก นอกจากนี้ตนเคยไปส่งสินค้าให้นายท็อป 2-3 ครั้ง กลับพบว่าเปิดแผงขายของอยู่ที่ตลาดนัดย่านลำลูกกา เป็นตลาดนัดทั่วไป ไม่ได้มีอะไรใหญ่โต ตนเริ่มผิดสังเกตและระวังตัวมากขึ้น เมื่อนายท็อปเริ่มติดค้างชำระ 50,000บาท โดยอ้างว่าต้องนำเงินไปรักษาพ่อที่ป่วยอยู่ กระทั่งมาเจอกับตัวว่าถูกหลอก และยังทราบอีกว่าไปหลอกผู้หญิงแต่งงาน

 

 

จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางมาบ้านพักของนายท็อป ย่านลำลูกกา โดยพบกับคนในบ้านชื่อนายบี (นามสมมติ) บอกว่า นายท็อปเคยอาศัยอยู่ที่นี่จริง ซึ่งเคยคบหากับพี่สาวตน ราว 4 ปี ซึ่งนายท็อปบอกว่าตัวเองทำงานเป็น CEO และมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา มักจะเดินทางไปประเทศฮ่องกงอยู่เป็นประจำ แต่ตนไม่รู้ว่าทำงานอะไร ระหว่างคบกับพี่สาวตนก็บอกว่าจะเลี้ยงดู ให้พี่สาวหยุดทำงาน กระทั่งถึงขั้นหมั่นหมายกัน แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ ปรากฎว่านายท็อปก็เลี้ยงดูไม่ได้ อีกทั้งยังแอบเอารถของที่บ้านรวม 3 คัน ไปจำนำจนเป็นหนี้หลายล้านบาท

นอกจากนี้ยังหลอกให้ครอบครัวขายเห็ด จนครอบครัวหมดตัวเพราะผู้ชายคนนี้ นอกจากนี้ช่วงที่เป็นข่าวหลอกน.ส.ดา แต่งงานก็เป็นช่วงเวลาที่กำลังจะเลิกกับพี่สาวตน และนายท็อปได้ย้ายออกจากบ้านตนไปช่วงสิ้นเดือนมี.ค.62 แถมยังไปกู้เงินรายวันไว้ โดยใช้ชื่อพี่สาวตนทั้งหมด และทิ้งหนี้หนีไปในที่สุด

Cr.ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34