เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

จากกรณีนศ.หญิงชั้นปี 4 ภาพวาดพระพุทธรูปอุลตร้าแมน แล้วถูกนำไปจัดแสดงที่ศูนย์การค้าใน จ.นครราชสีมา ทำให้มีผู้แสดงความคิดเห็นถึงความไม่เหมาะสม ลบหลู่ดูหมิ่นพระพุทธศาสนา ต่อมาผวจ.นครราชสีมา รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา พานักศึกษาผู้วาดเข้าขอขมาหน้าพระประธานในพระอุโบสถ ที่วัดบึงพระอารามหลวง และกราบขอขมาเจ้าคณะจังหวัด ระบุรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพียงต้องการสื่อให้เห็นว่าพระพุทธเจ้าเป็นฮีโร่เหมือนอุลตร้าแมน ที่สามารถอดทนต่อสิ่งเร้ารอบ และช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้กับมนุษย์ ทำให้โลกมนุษย์สงบสุขได้ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

 

 

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 10 ก.ย. นายกิตติชัย ตรีรัตน์วิชชา ศิลปินอิสระ นักปั้นมือทองชาวโคราช เจ้าของผลงานประติมากรรมรูปปั้น ตูน บอดี้สแลม และรูปปั้น องค์ต้นแบบหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ในโครงการหลวงพ่อคูณองค์ใหญ่ที่สุดสูง 27 เมตร ที่วัดบ้านไร่ และปัจจุบันเป็นอาจารย์พิเศษประจำโปรแกรมวิชาทัศนศิลป์ คณะมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เปิดเผยว่า มีคนอินบ๊อกซ์มาสอบถามเกี่ยวกับภาพวาดดังกล่าวเป็นจำนวนมาก รวมถึงติดต่อขอซื้อภาพวาดพระพุทธรูปอุลตร้าแมนด้วย

ซึ่งอาจารย์ประจำโปรแกรมวิชาศิลปศึกษา คณะครุศาสตร์ ที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของนักศึกษาเจ้าของผลงาน และอาจารย์รุ่นน้องของตน แจ้งว่า มีการติดต่อขอซื้อภาพจริง แต่ทางสถาบันขอระงับไม่ให้ขายภาพเหล่านั้นออกไป เนื่องจากเกรงว่าหากนำไปเผยแพร่ในต่างประเทศ หรือเผยแพร่ในลักษณะที่ไม่เหมาะสมผิดเจตนารมณ์ อาจจะทำให้กระแสรุนแรงมากยิ่งขึ้น และจะเกิดผลเสียตามมามากมายสู่ตัวนักศึกษาเจ้าของผลงาน

 

 

ด้าน รศ.ดร.สามารถ จับโจร ช่วยอธิการบดีฝ่ายมวลชนสัมพันธ์ และอาจารย์ประจำสาขาวิชาทัศนศิลป์ คณะมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวด้วยเช่นกันว่า ถือเป็นประเด็นดราม่าอีกเรื่องของสังคม ซึ่งในฐานะคนสร้างสรรค์ผลงานศิลปะเช่นกัน ต้องขอชื่นชมความคิดสร้างสรรค์ของนักศึกษาสาวคนนี้ที่กล้าคิดนอกกรอบ แต่การตีความจะต้องตกผลึกความคิดและคำนึงถึงความเปราะบางในสังคมปัจจุบันด้วย

 

 

“ไม่ใช่ไปตีกรอบจนสร้างสรรค์ผลงานได้ลำบาก จึงอยากเรียกร้องให้ทางสถาบันฯรีบแก้ไขปัญหา ด้วยการแถลงข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเปิดโอกาสให้นักศึกษาออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง และเจตนารมณ์ของตนเองอีกครั้ง เพื่อให้คนในสังคมเกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ขณะเดียวกันขอวิงวอนไปยังหน่วยงานหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง อย่าตีประเด็นผิด มัวแต่จ้องจับผิด หรือเขินอายที่จะออกมาร่วมรับผิดชอบ แล้วปล่อยให้นักศึกษาตกเป็นจำเลยของสังคมอยู่เพียงลำพัง ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งแก่ตัวนักศึกษา ที่รังสรรค์ผลงานออกมาด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์” รศ.ดร.สามารถ กล่าว