เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันที่ 23 ส.ค. เวียดนามเน็ต รายงานอาการป่วยชวนตั้งคำถามของชาย เวียดนาม วัย 20 ปี หลังปวดท้องรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งแพทย์พบการอุดตันของอาหารในลำไส้  เมื่อผ่าออกก็เจอก้อนแป้งมันสำปะหลังสีเขียวดำขนาดใหญ่ 2 ก้อน จึงสอบถามผู้ป่วยในเวลาต่อมา และทราบว่าชายคนดังกล่าวเคยทำงานที่ร้านขาย ชานมไข่มุก เลยเลือกดื่มชานมไข่มุกแทนเครื่องดื่มอื่นๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นดื่มชานมไข่มุกแค่อย่างเดียวแทนอาหารทั้ง 3 มื้อ รายงานระบุว่า ชายคนดังกล่าวเริ่มปวดท้องตั้งแต่กลางเดือนก.ค.ที่ผ่านมา และปวดมานาน 20 วัน ก่อนอาการจะทรุดลงจนไม่อาจทนต่อไปได้ ครอบครัวเลยตัดสินใจพาไปโรงพยาบาลในวันที่ 19 ส.ค.

 

 

หลังการตรวจวินิจฉัยในเบื้องต้นแพทย์ระบุว่า มีภาวะอุดตันในลำไส้ เนื่องจากเศษตกค้างของอาหารที่ไม่ย่อยลงไปรวมตัวกันในลำไส้ และทับถมกันจนกลายเป็นก้อนแข็ง ส่งผลให้แพทย์ต้องทำการผ่าตัดนำก้อนปริศนาที่มีลักษณะแข็ง 2 ก้อนออกจากลำไส้ ซึ่งต่อมานำไปตรวจสอบและพบว่ามีส่วนประกอบของแป้งมันสำปะหลัง ก่อนหน้านี้เคยมีกรณีที่กลางเป็นกระแสถกเถียง หลังมีรายงานข่าวว่าเด็กชาวจีนวัย 14 ปี มีภาวะลำไส้อุดตันเพราะไข่มุกจากชานมที่ดื่มเข้าไป พร้อมเปิดเผยภาพซีทีสแกนช่องท้อง โดยระบุว่ากระเพาะและลำไส้ใหญ่ รวมถึงทวารหนักของเด็ก เต็มไปด้วยไข่มุกที่ไม่ย่อย

 

 

ต่อมา อ.นพ.นรินทร์ อจละนันท์ สาขาวิชาโรคทางเดินอาหารและตับ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ออกมาให้ความรู้จากกรณีดังกล่าวว่าอาจไม่ใช่เรื่องจริง โดยให้เหตุผลว่า ชานมไข่มุก คุณสมบัติเป็นแป้ง แต่ภาพเอ็กซ์เรย์ที่เห็นเป็นสีขาว โดยทั่วไปสิ่งที่เห็นเป็นสีขาวได้จะต้องมีความแข็งพอสมควร เช่น กระดูก โลหะบางอย่าง หรืออุจจาระที่อัดแน่น อีกเหตุผลคือ เม็ดของชานมเป็นแป้งมันสำปะหลัง ซึ่งจะย่อยตั้งแต่ลำไส้เล็ก จึงไม่มีเหตุที่เห็นในลักษณะของเม็ดไข่มุกตามฟิลม์เอ็กซ์เรย์ แต่น่าจะเป็นลักษณะของอุจจาระที่อัดแน่นมากกว่า ไข่มุกไม่น่าทำให้เกิดการอุดตันในลำไส้ได้ ยกเว้นผู้ที่ทานมีโรคที่ผิดปกติอยู่ เช่น ลำไส้เล็กตีบ จากพังพืด จากก้อน หรือจากแผลบางอย่างที่กดลำไส้