เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

สภาพปัจจุบันเป็น “วัดสีกุก” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน้อยล้อมรอบ มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยอยุธยาถึงรัตนโกสินทร์ ถือเป็นโบราณสถานที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน สิ่งสำคัญภายในวัด ได้แก่ เจดีย์ย่อมุมไม้ยี่สิบ องค์ใหญ่ 1 องค์ เจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง 3 องค์ อยู่ริมแม่น้ำน้อย อีกทั้งมีกุฎิสงฆ์เรือนไทยหมู่ ศาลาการเปรียญ และต้นสะตือ 300 ปี  ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวง รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสต้นถึง 2 ครั้ง เมื่อปี พ.ศ. 2449

บันทึกความทรงจำด้วยลายพระหัตถ์ ถ่ายที่วัดสีกุก
บันทึกความทรงจำด้วยลายพระหัตถ์ ถ่ายที่วัดสีกุก
“ต้นสะตือ 300 ปี” เมื่อครั้ง ร.5 เสด็จประพาสต้น

พระครูชินธรรมมาภรณ์ เจ้าอาวาส วัดสีกุก เล่าให้เราฟังว่า ในครานั้นขบวนเสด็จผ่านมาถึงสีกุกเวลาบ่าย ขณะที่มีลมฝนเกิดขึ้น พระองค์จึงได้ประทับแรม ณ วัดสีกุก ซึ่งภายในคืนดังกล่าวเกิดปรากฏการณ์ จันทรุปราคา แต่เนื่องด้วยฝนตกฟ้ามืดครึ้มจึงมองไม่เห็นสิ่งใดเลย กระทั่งรุ่งเช้าพระองค์เสด็จเข้ามาไหว้พระในมณฑป ทรงถ่ายภาพและบันทึกความทรงจำด้วยลายพระหัตถ์ พระองค์และข้าราชบริพาร ได้นั่งลงใต้ต้นสะตือแห่งนี้ ซึ่งปัจจุบันมีอายุกว่า 300 ปีแล้ว ซึ่งชาวบ้านที่มีความศรัทธา ได้ร่วมกันทูลเกล้าฯ ถวายปัจจัยเพื่อปรับปรุงพื้นที่โดยรอบ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ช่วงบูรณะ

“นอกจากนี้ ในภายในวัดสีกุก ยังได้สร้างอนุสรณ์สถาน ร.5 ไว้ให้ประชาชนเคารพสักการบูชา รวมไปถึงกราบไหว้ขอพร ภายในศาลาอนุสรณ์สถานยังโชว์พระฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งอดีต ซึ่งพื้นที่แห่งนี้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้”

ทั้งนี้ บริเวณต้นสะตือ 300 ปี มีประชาชนนำของถวายมาแก้บนบริเวณใต้ต้นสะตือ 300 ปี เป็นจำนวนมาก เมื่อถามผู้ดูแลวัดให้ข้อมูลว่า ชาวบ้านมักจะมาบนบานขอพรในเรื่องต่างๆ แล้วประสบความสำเร็จ จึงนำสิ่งของมาแก้บนตามที่ได้กล่าวไว้ ซึ่งชาวบ้านที่มาบนบานขอเลขเด็ดก็มีเป็นจำนวนไม่น้อย

“ต้นสะตือ 300 ปี” ในปัจจุบัน
ณ ปัจจุบัน
พระครูชินธรรมมาภรณ์ เจ้าอาวาส วัดสีกุก

 

 

 

 

 

ภาพและข้อมูลจาก Thairath