เมื่อเวลา 23.45 น. วันที่ 15 ส.ค.2562 ร.ต.ท.ศักรินทร์ แสงเจริญ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ประจำตึกอุบัติเหตุ รพ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ว่ามีคนถูกทำร้ายร่างกายโดยการราดน้ำมันเผา ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกส่งมารักษาที่โรงพยาบาล ให้ไปสอบสวนด้วย
จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วพร้อมด้วย พ.ต.อ.พิรุณ กลัดทอง ผกก. พ.ต.ท.วินัย คงประพันธ์ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.เทวกฤต ดิษฐรักษ์ รอง ผกก.(สอบสวน) รุดไปตรวจสอบ
พบว่าแพทย์และพยาบาลกำลังช่วยชีวิตผู้ได้รับบาดเจ็บ ทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ นายสัญญา หรือ บ่าว ยอดพิจิตร อายุ 43 ปี ชาวบ้าน หมู่ 12 ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งได้รับบาดเจ็บถูกไฟเผาเส้นผม ใบหน้า ลำคอ ไหล่ แขน และ แผ่นหลัง ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทางโรงพยาบาลลานสกาได้ส่งตัวต่อไปยัง รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ในเวลาต่อมา
สอบสวนพลเมืองดีที่ให้การช่วยเหลือและนำนายสัญญาส่งโรงพยาบาล ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ขณะที่นายสัญญากับเพื่อนอีก 2–3 คน กำลังนั่งดื่มกินและร้องเพลงกันอยู่ที่ ร้านศรีนครคาราโอเกะ ตั้งอยู่ข้างตลาดท่าดี หมู่ 4 ต.ท่าดี อ.ลานสกา ได้มีนางสารภี ซังทอง อายุ 45 ปี ภรรยาของนายสัญญา เดินพรวดเข้ามาในร้าน เดินตรงไปที่โต๊ะซึ่งนายสัญญานั่งร้องเพลงอยู่ โดยตรงเข้าไปด้านหลัง แล้วเปิดขวดพลาสติกที่มีน้ำมันอยู่ในขวด ราดไปที่ร่างของนายสัญญา แล้วใช้ไฟเช็คที่นำติดตัวมาจุดไฟ ไฟได้ลุกพึ่บไหม้ร่างกายของนายสัญญาที่ไม่รู้ว่าเหตุร้ายจะเกิดขึ้นกับตน และไม่ทันได้ระวังตัว ดิ้นพราดๆ ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด กว่าที่เพื่อนๆ และคนในร้านที่พากันตื่นตระหนกกับเหตุการณ์จะช่วยเหลือและดับไฟเอาไว้ได้ นายสัญญาก็ถูกไฟเผาร่างจนล้มลงหมดสติคาร้าน ส่วนนางสารภีได้หายตัวไปหลังเกิดเหตุ
หลังทราบเรื่องราว ตำรวจได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบร่องรอยของการเกิดไฟไหม้ที่โต๊ะและบนพื้นภายในร้าน และยังพบอีกว่าเพดานฝ้าของร้านถูกเปลวไฟที่ลุกไหม้ขณะเกิดเหตุได้รับความเสียหายด้วย นอกจากนั้นยังพบขวดน้ำดื่มพลาสติกที่ภรรยาของคนเจ็บรายนี้ใช้บรรจุน้ำมันเบนซินมาราดใส่ร่างสามีตกอยู่บนพื้นด้วย เจ้าหน้าที่จึงเก็บเป็นหลักฐาน
พ.ต.อ.พิรุณ กลัดทอง ผกก.สภ.ลานสกา กล่าวว่า คู่กรณีในเหตุการณ์นี้เป็นสามีภรรยากัน มีอาชีพทำสวนผลไม้ สอบสวนทราบว่า นายสัญญามักจะออกจากบ้านช่วงหัวค่ำเกือบทุกคืน มาดื่มกินหาความสำราญที่ร้านคาราโอเกะที่เกิดเหตุ ทำให้ระยะหลังเกิดมีปัญหาและมีปากเสียงกับภรรยาที่ระแคะระคายว่าสามีไปติดพันสาวอื่นที่ร้านดังกล่าว ช่วงหัวค่ำก่อนนายสัญญาออกจากบ้าน ภรรยาก็ห้ามปรามและขอร้องไม่ให้ไปดื่มเหล้าและเที่ยวกลางคืน ทำให้มีปากเสียงกันรุนแรง แต่นายสัญญาไม่ฟังเสียง ยังออกจากบ้านมาโดยไม่สนใจไยดีในคำอ้อนวอนขอร้องของผู้เป็นเมีย
หลังเกิดเหตุนางสารภีไม่ได้หลบหนีไปไหน ได้เดินทางกลับเข้าบ้านพักที่เป็นหมู่บ้านติดกัน และเดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวนด้วยตัวเองแล้วในวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบปากคำ พิมพ์มือ ทำประวัติเอาไว้ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยไม่ได้ควบคุมตัว เนื่องจากนางสารภีไม่ได้หลบหนี และมาพบเจ้าหน้าที่ด้วยตัวเอง
คดีนี้พนักงานสอบสวนจะพิจารณาว่า เจตนาของผู้ก่อเหตุเป็นอย่างไร จะเข้าข่ายทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส หรือพยายามฆ่า อยู่ในดุลยพินิจของตำรวจ แต่ถือว่าเป็นประเภทคดีความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ตำรวจต้องทำสำนวนอย่างรอบคอบและเป็นธรรม
ข้อมูลจาก Thairath