เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ร่วมกับเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคภาคเหนือ ภายใต้โครงการเฝ้าระวังสินค้าและบริการเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ สุ่มเก็บตัวอย่างน้ำพริกหนุ่มในพื้นที่ภาคเหนือจำนวน 17 ตัวอย่าง

ส่งตรวจวิเคราะห์หาปริมาณวัตถุกันเสียประเภทกรดเบนโซอิก และกรดซอร์บิก เป็นครั้งที่ 2 หลังจากเคยสุ่มตรวจในครั้งแรกเมื่อเดือน มี.ค.61 โดยผลทดสอบ มีดังนี้

พบน้ำพริกหนุ่ม 2 ตัวอย่าง ที่ตรวจไม่พบสารกันบูดเลย ได้แก่

1.น้ำพริกหนุ่มอุ้ยคำ (ตราขันโตก) จากตลาดวโรรส จ.เชียงใหม่

2. น้ำพริกหนุ่ม ยี่ห้อ วรรณภา จากร้านวรรณภา จ.เชียงราย

มีน้ำพริกหนุ่ม 8 ตัวอย่าง ที่ตรวจพบสารกันบูดประเภทกรดเบนโซอิก และกรดซอร์บิก แต่ไม่เกินมาตรฐาน (ไม่เกิน 500 มก./กก.) โดยพบปริมาณกรดเบนโซอิกระหว่าง 30.67 – 455.80 มก./กก.

ทั้งนี้ ตั้งข้อสังเกตถึงปริมาณกรดเบนโซอิกที่ตรวจพบเล็กน้อย อาจเป็นกรดเบนโซอิกจากธรรมชาติ ซึ่งไม่ได้มาจากการเติมโดยผู้ผลิต เพราะสารกันบูดในปริมาณน้อยไม่เพียงพอต่อการใช้เพื่อการถนอมอาหาร

กลุ่มที่ตรวจพบปริมาณสารกันบูด แต่ไม่เกินมาตรฐาน มีจำนวน 8 ตัวอย่าง ได้แก่

1.น้ำพริกหนุ่ม แม่ศรีนวล จากร้านขายของฝากสามแยกเด่นชัย จ.แพร่ พบปริมาณกรดเบนโซอิก เท่ากับ 30.67 มก./กก.

2.น้ำพริกหนุ่ม มารศรี สูตรดั้งเดิม จากตลาดสดแม่ต๋ำ จ.พะเยา พบปริมาณ กรดเบนโซอิก เท่ากับ 36.92 มก./กก.

3.น้ำพริกหนุ่ม แม่มารศรี (น้ำพริกหนุ่ม-ปลาร้า) จากร้านปะเลอะเยอะแยะของฝาก จ.เชียงราย พบปริมาณกรดเบนโซอิก เท่ากับ 41.73 มก./กก.

4.น้ำพริกหนุ่ม ป้าแอ็ด ของฝากจากเดอะโคโค่ นครลำปาง จากร้านป้าแอ็ดของฝากเมืองลำปาง พบปริมาณกรดเบนโซอิก เท่ากับ 387.38 มก./กก.

5.น้ำพริกหนุ่ม ศุภลักษณ์ รสเผ็ดมาก จากตลาดสดแม่ต๋ำ จ.พะเยา พบปริมาณ กรดเบนโซอิก เท่ากับ 51.92 มก./กก. และกรดซอร์บิก เท่ากับ 338.17 มก./กก.

6.น้ำพริกหนุ่ม อำพัน จากร้านข้าวแต๋นของฝากลำปาง พบปริมาณ กรดเบนโซอิก เท่ากับ 435.29 มก./กก.

7.น้ำพริกหนุ่ม อุ้ยแก้ว จากตลาดสดแม่ต๋ำ จ.พะเยา พบปริมาณกรดเบนโซอิก เท่ากับ 437.27 มก./กก.

8.น้ำพริกหนุ่ม นันทวัน เจียงฮาย สูตรดั้งเดิม จากร้านนันทวัน จ.เชียงราย พบปริมาณ กรดเบนโซอิก เท่ากับ 455.80 มก./กก.

สำหรับน้ำพริกหนุ่มที่เหลืออีก 7 ตัวอย่าง ตรวจพบปริมาณสารกันบูดมากกว่า 500 มก./กก. ซึ่งเกินมาตรฐาน โดยพบปริมาณกรดเบนโซอิกตั้งแต่ 890.32 -5649.43 มก./กก. ซึ่งตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 389 พ.ศ. 2561 เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 5) อนุญาตให้ตรวจพบวัตถุกันเสียประเภทกรดเบนโซอิก ปริมาณสูงสุดได้ไม่เกิน 500 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักอาหาร 1 กิโลกรัม และ ประเภทกรดซอร์บิก ปริมาณสูงสุดได้ไม่เกิน 1000 มก./กก. ในหมวดอาหารประเภทเครื่องปรุงรส

กลุ่มที่ตรวจพบสารกันบูดเกินมาตรฐาน มีจำนวน 7 ตัวอย่าง ได้แก่

1.น้ำพริกหนุ่ม ร้านดำรงค์ จากตลาดวโรรส จ.เชียงใหม่ พบปริมาณกรดเบนโซอิก เท่ากับ 890.32 มก./กก.

2.น้ำพริกหนุ่ม ล้านนา จากตลาดของฝากเด่นชัย จ.แพร่ พบปริมาณกรดเบนโซอิก เท่ากับ 1026.91 มก./กก.

3.น้ำพริกหนุ่ม นิชา (เจ๊หงษ์ น้ำพริกหนุ่ม) จากตลาดวโรรส จ.เชียงใหม่ พบปริมาณกรดเบนโซอิก เท่ากับ 1634.20 มก./กก.

4.น้ำพริกหนุ่ม เจ๊หงษ์ จากตลาดวโรรส จ.เชียงใหม่ พบปริมาณ กรดเบนโซอิก เท่ากับ 1968.85 มก./กก.

5.น้ำพริกหนุ่ม แม่ชไมพร จากตลาดสดอัศวิน ร้านสิริกรของฝาก จ.ลำปาง พบปริมาณ กรดเบนโซอิก เท่ากับ 2231.82 มก./กก.

6.น้ำพริกหนุ่ม ยาใจ (รสเผ็ด) จากร้านขายของฝากสามแยกเด่นชัย จ.แพร่ พบปริมาณ กรดเบนโซอิก เท่ากับ 3549.75 มก./กก.

7.น้ำพริกหนุ่ม อุมา จากตลาดสดแม่ต๋ำ จ.พะเยา พบปริมาณ กรดเบนโซอิก เท่ากับ 5649.43 มก./กก.

ดร.แก้ว กังสดาลอำไพ กองบรรณาธิการนิตยสารฉลาดซื้อ กล่าวว่า แม้ร่างกายจะสามารถขับสารกันบูดออกได้ทางระบบปัสสาวะ แต่ถ้าหากเราได้รับสารกันบูดบ่อยๆ จากอาหารหลายชนิดใน 3 มื้อ โดยเฉพาะในอาหารสำเร็จรูป หรืออาหารแปรรูป อาจเกิดปัญหาต่อตับและไต ซึ่งต้องทำงานหนักในการขับออก

ขณะที่ น.ส.มลฤดี โพธิ์อินทร์ นักวิชาการด้านอาหาร มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า จากผลทดสอบตัวอย่างน้ำพริกหนุ่มที่พบสารกันบูดสูงสุดนั้น มีปริมาณสูงถึง 5649.43 มก./กก. ซึ่งเกินกว่าที่ประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ถึง 11 เท่า

นอกจากนี้ หากมีการใช้วัตถุเจือปนอาหาร เช่น วัตถุกันเสีย ก็ต้องระบุข้อมูลการใช้สารกันบูดไว้บนฉลากบรรจุภัณฑ์ให้ผู้บริโภคทราบ ซึ่งน้ำพริกหนุ่มทั้ง 17 ตัวอย่าง พบว่ามีเพียง 2 ตัวอย่าง (ร้อยละ 11) เท่านั้น ที่ระบุว่าใช้วัตถุกันเสีย

โดยเฉพาะน้ำพริกหนุ่ม 7 ยี่ห้อ ที่มีปริมาณสารกันบูดเกินมาตรฐาน นั้นไม่มียี่ห้อใดเลย ที่ให้ข้อมูลบนบรรจุภัณฑ์ว่าใช้สารกันบูด

น.ส.มลฤดี กล่าวอีกว่า นอกจากสินค้าของฝากอย่าง น้ำพริกหนุ่ม โรตีสายไหม และแกงไตปลาแห้งแล้ว มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้เคยสุ่มตรวจสารกันบูดในขนมปังไส้ เฉาก๊วย และขนมจีน ซึ่งส่วนใหญ่พบว่าผู้ประกอบการไม่ได้มีการแสดงฉลากให้ถูกต้องชัดเจน โดยเฉพาะข้อมูลเรื่องการใช้วัตถุเจือปนอาหารประเภทสารกันบูด

จึงอยากเสนอให้หน่วยงานของรัฐที่กำกับดูแล ได้ออกกฎหมาย ข้อกำหนด หรือบทลงโทษ ให้ผู้ประกอบการได้มีการจัดทำฉลากบนบรรจุภัณฑ์ให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรมเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภค

นอกจากนี้ ในเรื่องสินค้าประเภทของฝาก ก็อยากฝากให้หน่วยงานที่กำกับดูแลในระดับจังหวัด ได้ลงพื้นที่สุ่มตรวจคุณภาพของฝากร่วมกับผู้ประกอบการ เพื่อช่วยกันพัฒนาคุณภาพของฝากให้ได้มาตรฐาน สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค

ขณะที่ น.ส.พวงทอง ว่องไว เครือข่ายองค์กรผู้บริโภคภาคเหนือ กล่าวว่า น้ำพริกหนุ่มถือว่าเป็นสินค้าประจำภาคเหนือที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อหาเป็นของฝาก จากผลตรวจน้ำพริกหนุ่มในครั้งนี้ พบว่ากว่าร้อยละ 63 นั้นมีปริมาณสารกันบูดเกินมาตรฐาน

สิ่งที่ทางเครือข่ายจะดำเนินงานต่อ คือการประสานสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อช่วยกันสำรวจคุณภาพมาตรฐานสินค้าของฝากประเภทอื่นๆ นอกจากน้ำพริกหนุ่ม รวมถึงได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้วัตถุเจือปนอาหารให้ถูกต้องกับผู้ประกอบการ เพื่อช่วยกันยกระดับมาตรฐานของฝากภาคเหนือ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว