เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

“ไม่ต้องจ่ายเงินเอง” 10 โรคมะเร็งที่ใช้สิทธิ”ประกันสังคม”รักษาได้

ประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราสำหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน ประกาศ ณ วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556 การรักษาโรคมะเร็ง 10 ชนิด ซึ่งจะต้องให้การรักษาตามแนวทางที่กำหนด ดังนี้

  1. โรคมะเร็งเต้านม
  2. โรคมะเร็งปากมดลูก
  3. โรคมะเร็งรังไข่
  4. โรคมะเร็งโพรงจมูก
  5. โรคมะเร็งปอด
  6. โรคมะเร็งหลอดอาหาร
  7. โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย
  8. โรคมะเร็งตับและท่อน้ำดี
  9. โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
  10. โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก

กรณีการรักษาโรคมะเร็งชนิดอื่นนอกเหนือจากโรคมะเร็ง 10 ชนิด ตามที่กำหนดใน ข้อ 1. ที่ต้องให้เคมี

บำบัดหรือรังสีรักษา และหรือยารักษาโรคมะเร็งให้จ่ายค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นแต่

ไม่เกิน 15,000 บาทต่อรายต่อปี

หลักเกณฑ์และเงื่อนไข
1. สถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาลต้องให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตนจนสิ้นสุด

การรักษา โดยไม่จำกัดจำนวนเงินค่าใช้จ่ายและจำนวนครั้งในการเข้ารับการรักษาพยาบาล โดยสถานพยาบาล

ตามบัตรรับรองสิทธิฯ จะต้องไม่เรียกเก็บเงินค่าบริการทางการแพทย์จากผู้ประกันตน

ยกเว้น ค่าใช้จ่ายในด้านบริการอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือสิทธิประกันสังคม

2. สถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ จะต้องส่งข้อมูลการรักษาพยาบาลให้หน่วยงานที่สำนักงานกำหนด

3. สำนักงานจะจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ให้แก่สถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาล หรือผู้

ประกันตน โดยคำนวณตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (Diagnosis Related Groups : DRGs) กรณีผู้ป่วยในที่มีค่าน้ำ

หนักสัมพัทธ์ปรับตามวันนอน (Adjusted Relative Weight : AdjRW) มากกว่าหรือเท่ากับ 2 (AdjRW ≥2) ใน

อัตราไม่เกิน 15,000 บาท ต่อ 1 น้ำหนักสัมพัทธ์ปรับตามวันนอน (AdjRW) โดยพิจารณาคำนวณตามข้อมูลที่

หน่วยงานที่สำนักงานประกันสังคมกำหนดประมวลผลแล้ว ทั้งนี้ภายในวงเงินไม่เกิน 4,460 ล้านบาทต่อปี

4. กรณีผู้ประกันตนเข้ารับบริการทางการแพทย์ ณ สถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาล แล้ว

สถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาล ไม่สามารถให้การรักษาพยาบาลแก่ผู้ประกันตนได้

4.1 สถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาล ได้ส่งผู้ประกัสนตนไปรับการรักษาต่อ ณ สถานพยา

บาลที่มีศักยภาพสูงกว่า (Supra Contractor) หรือ

4.2 ผู้ประกันตนไม่ประสงค์ไปรับบริการทางการแพทย์ตามข้อ 4.1 ตามที่สถานพยาบาลตามบัตรรรับรองสิทธิการ

รักษาพยาบาล จัดให้โดยมีการแจ้ง Call Center ของสำนักงานประกันสังคมเพื่อจัดหาสถานพยาบาลที่มีศักยภาพ

สูงกว่า (Supra Contractor) ให้ผู้ประกันตนแล้ว Call Center จะต้องแจ้งให้สถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิการ

รักษาพยาบาลด้วย หรือ

4.3 หากผู้ประกันตนไม่ประสงค์ไปรับบริการทางการแพทย์ตามข้อ 4.1 ตามที่สถานพยาบาลตามบัตรรรับรอง

สิทธิการรักษาพยาบาลจัดให้ แต่ไปรับบริการทางการแพทย์ ณ สถานพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่า (Supra Contractor)

ที่ได้ทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับสำนักงานประกันสังคมในการให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตน สถาน

พยาบาลดังกล่าว จะต้องแจ้งให้สถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาลรับทราบด้วย

กรณีการส่งต่อสถานพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่า (Supra Contractor) ตาม ข้อ 4.1, 4.2 และ 4.3 ให้สถาน

พยาบาลที่ให้การรักษาจะต้องส่งข้อมูลการรักษาพยาบาลไปยังหน่วยงานที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด ใน

กรณีที่สถานพยาบาลที่ให้การรักษาไม่ส่งข้อมูลการรักษาพยาบาลไปยังหน่วยงานที่สำนักงานประกันสังคมกำ

หนดให้สถานพยาบาลตามบัตรรับรับรอง สิทธิการรักษาพยาบาล เป็นผู้ส่งข้อมูลให้หน่วยงานที่สำนักงานประกัน

สังคมกำหนดแทนและหากกรณีมีค่าน้ำหนักสัมพัทธ์ปรับตามวันนอนมากกว่าหรือเท่ากับ 2 (Adjusted Relative

Weight : AdjRW≥2) สำนักงานประกันสังคมจะจ่ายเงินให้แก่สถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ หรือ ผู้ประกัน

ตน ตามอัตราที่กำหนดไว้ในข้อ 3 โดยสถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้แก่

สถานพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่าหรือจ่ายส่วนเกินอัตราที่กำหนดไว้ใน ข้อ 3 ให้แก่ผู้ประกันตน หากค่าน้ำหนัก

สัมพันธ์ปรับตามวันนอนน้อยกว่า 2 (Adjusted Relative Weight : AdjRW<2) สถานพยาบาลตามบัตรรับรอง

สิทธิฯ ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด

5. กรณีผู้ประกันตนไปรับบริการทางการแพทย์ ณ สถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ แล้ว ต่อมาผู้ประกันตนไป

รับบริการทางการแพทย์ยังสถานพยาบาลอื่น ให้สำนักงานประกันสังคมจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ ดังนี้

5.1 ถ้าน้ำหนักสัมพัทธ์ปรับตามวันนอนมากกว่าหรือเท่ากับ 2 (Adjusted Relative Weight : AdjRW≥2) สำนักงาน

ประกันสังคมจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ให้แก่ผู้ประกันตนในอัตรา 1 ค่าน้ำหนักสัมพันธ์ปรับตามวันนอน (Adjusted

Relative Weight : AdjRW) ไม่เกิน 15,000 บาท และเมื่อสำนักงานประกันสังคมพิจารณาแล้ว

5.1.1 สถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ ให้การรักษาพยาบาลหรือปฏิบัติตามระเบียบหรือหลักเกณฑ์ที่สำนักงาน

ประกันสังคมกำหนดถูกต้องเหมาะสมแล้ว ผู้ประกันตนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนเกินเอง

5.1.2. สถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ ให้การรักษาพยาบาลไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสมหรือไม่ปฏิบัติตาม

ระเบียบหรือหลักเกณฑ์ที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด สถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ ต้องรับผิดชอบค่า

ใช้จ่ายให้ผู้ประกันตนทั้งหมด

5.2 ถ้าน้ำหนักสัมพันธ์ปรับตามวันนอนน้อยกว่า 2 (Adjusted Relative Weight : AdjRW<2) และเมื่อสำนักงาน

ประกันสังคมพิจารณาแล้ว

5.2.1 สถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ ให้การรักษาพยาบาลหรือปฏิบัติตามระเบียบหรือหลักเกณฑ์ที่สำนัก

งานประกันสังคมกำหนดถูกต้องเหมาะสมแล้ว ผู้ประกันตนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด

5.2.2 สถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ ให้การรักษาพยาบาลไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสมหรือไม่ปฏิบัติตามระเบียบ

หรือหลักเกณฑ์ที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด สถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ผู้

ประกันตนทั้งหมด

6. กรณีผู้ประกันตนไปเข้ารับการรักษาพยาบาล ณ สถานพยาบาลอื่นโดยไม่เข้ารับบริการทางการแพทย์ ณ สถาน

พยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ ให้สำนักงานประกันสังคมจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ดังนี้

6.1 ถ้าน้ำหนักสัมพัทธ์ปรับตามวันนอนมากกว่าหรือเท่ากับ 2 (Adjusted Relative Weight : AdjRW≥2) สำนักงาน

จะจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ให้แก่ผู้ประกันตนในอัตรา 1 ค่าน้ำหนักสัมพัทธ์ปรับตามวันนอน (Adjusted Relative

Weight : AdjRW) ไม่เกิน 15,000 บาท

6.2 ถ้าน้ำหนักสัมพัทธ์ปรับตามวันนอนน้อยกว่า 2 (Adjusted Relative Weight : AdjRW<2) ผู้ประกันตนรับผิดชอบ

ค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด

7. นอกจากการจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ตามอัตราที่กำหนดในข้อ 3 แล้ว สำนักงานจะจ่ายค่าบริการทางการแพทย์

เป็นค่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิเศษเฉพาะทาง เฉพาะกรณีผู้ป่วยในที่มีค่าน้ำหนักสัมพัทธ์ปรับตามวันนอน (Adjusted Relative

Weight : AdjRW) มากกว่าหรือเท่ากับ 2 (AdjRW<2) ให้แก่ผู้ประกันตนตามที่กำหนดไว้ แห่งประกาศคณะกรรมการ

การแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราสำหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตราย

หรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

8. หากสำนักงานประกันสังคมหรือผู้ที่สำนักงานประกันสังคมมอบหมายได้ตรวจสอบข้อมูลการรักษาพยาบาลของสถาน

พยาบาลแล้ว พบว่าข้อมูลการรักษาพยาบาลที่ส่งให้หน่วยงานที่สำนักงานประกันสังคมกำหนดไม่ถูกต้อง ทำให้สำนัก

งานประกันสังคมจ่ายค่าบริการทางการแพทย์เกินกว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฎ สำนักงานประกันสังคมจะเรียกเงินค่าบริการ

ทางการแพทย์ที่ได้จ่ายไปคืน หรือหักจากค่าบริการทางการแพทย์ที่สำนักงานประกันสังคมจะจ่ายให้สถานพยาบาลใน

ครั้งต่อไปคืน

ยื่นได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครเขตพื้นที่ 1-12 แห่ง/จังหวัด/สาขา ที่สะดวก (ยกเว้นสำนักงานใหญ่ใน

บริเวณกระทรวงสาธารณสุข)

หากผู้ประกันตนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สายด่วนประกันสังคม โทร.1506 (เจ้าหน้าที่ให้บริการตลอด

24 ชั่วโมง) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sso.go.th

******************************

(ขอขอบคุณเรื่อง-ภาพจาก สำนักงานประกันสังคม)