เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

จากกรณี น.ส.หัทยา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี หรือน้องกุ๊กไก่ นักเรียนชั้น ม.6 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง เสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ด้วยโรคไข้เลือดออกสายพันธุ์ใหม่ พร้อมทั้งติดใจในการรักษาของโรงพยาบาล หลังจากนำตัวไปรักษาในเวลา 04.00 น. แต่พยาบาลกลับวัดความดันและวัดไข้แล้วบอกว่าอาการปกติพร้อมให้กลับบ้าน ก่อนให้มาตรวจใหม่ในตอนเช้า จนทำให้ น.ส.หัทยา เกิดอาการช็อก และเสียชีวิต

ล่าสุดวันที่ 15 ก.ค. นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสินธุ์ มอบหมายให้ นายสนั่น พงษ์อักษร รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ นายชาญชัย ศรศรีวิชัย ปลัด จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุข ลงพื้นที่เข้าเยี่ยมให้กับใจกับครอบครัวของ น.ส.หัทยา ที่บ้านพักใน ต.ดงมูล อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ พร้อมทั้งมอบเงินช่วยเหลือครอบครัว โดยมี นายสมบูรณ์ ผู้เป็นพ่อ และนางสมส่า ผู้เป็นแม่ พร้อมด้วยเพื่อนนักเรียน คณะครู และญาติกำลังที่จะทำพิธีฌาปนกิจในวันนี้ ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจที่น้องกุ๊กไก่เสียชีวิตอย่างกะทันหัน

 

 

นายสมบูรณ์ กล่าวว่า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงระบบการให้บริการ และกำชับเจ้าหน้าที่ให้ความสนใจผู้ป่วยมากกว่านี้ ทั้งนี้ส่วนตัวคิดว่าไม่มีใครอยากให้น้องเสียชีวิต และเมื่อเสียชีวิตแล้วก็เอาคืนไม่ได้ ซึ่งติดใจเพียงแค่ว่าในช่วงที่ตนพาลูกสาวไปส่งโรงพยาบาล ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงตรวจเพียงแค่วัดความดัน วัดไข้ และบอกว่าไม่มีอะไร แถมยังให้กลับบ้านแล้วค่อยมาใหม่ ทั้งๆ ที่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ไปแล้วว่าก่อนที่จะนำตัวมานั้นลูกสาวอาเจียน และมีไข้สูง ดังนั้นจึงอยากให้เอากรณีของลูกสาวตนเป็นตัวอย่างศึกษาและปรับปรุงแก้ไข เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นกับใครอีก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น.วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมสำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ นายไกรสร ผวจ.กาฬสินธุ์ นพ.พรพัฒน์ ภูนากลม ผอ.ร.พ.นาคู ในฐานะผู้เชี่ยวชาญสาขาศาสตร์ป้องกัน (ระบาดวิทยา) ซึ่งเป็นตัวแทนสำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ นพ.ภาคภูมิ มโนสิทธิศักดิ์ รอง ผอ.ร.พ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ และโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ร่วมกันเปิดเผยถึงสาเหตุของการเสียชีวิตของ น.ส.หัทยา พร้อมทั้งสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

นายไกรสร กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต สำหรับกรณีปัญหาการติดใจของผู้ปกครองน้องกุ๊กไก่ต่อระบบการรักษาของโรงพยาบาลหนองกุงศรีนั้น เบื้องต้นได้กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขจ.กาฬสินธุ์ นายสนั่น พงษ์อักษร รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ และนายชาญชัย ศรศรีวิชัย ปลัด จ.กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นและเช็คประวัติการรักษาแล้ว ซึ่งให้ตรวจสอบโดยว่ากันไปตามข้อเท็จจริง และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งนี้ยืนยันว่าหากพบว่าขบวนการไม่เป็นไปตามความถูกต้องตามระเบียบแบบแผนของทางราชการจะต้องดำเนินการเต็มที่โดยไม่มีละเว้น และหากผลการตรวจสอบแล้วพบว่ามีการผิดเพี้ยนหรือบกพร่องก็จะต้องมีการดำเนินการเยียวยาต่อไป

 

 

ขณะที่ นพ.พรพัฒน์ กล่าวว่า สำหรับกรณีของ น.ส.หัทยา ตามข้อมูลนั้นเริ่มป่วยเมื่อวันที่ 9 ก.ค. จากนั้นไปรับการรักษาที่คลินิกเอกชนแห่งหนึ่งใน อ.หนองกุงศรี ซึ่งคลินิกได้แนะนำว่าหากอาการไม่ดีขึ้นก็ให้ไปเจาะเลือดตรวจที่โรงพยาบาล กระทั่งวันที่ 10 ก.ค. ผู้ปกครองได้พาไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลหนองกุงศรี และเจาะเลือดครั้งแรก ซึ่งผลเลือดครั้งแรกอยู่ในเกณฑ์ปกติ มีเม็ดเลือดเลือดขาวต่ำเล็กน้อย ส่วนเกร็ดเลือดปกติ ยังไม่เข้าข่ายไข้เลือดออก ซึ่งทางโรงพยาบาลได้นัดตรวจซ้ำในช่วงเช้าเวลาประมาณ 09.00 น.วันที่ 11 ก.ค. แต่ระหว่างคืนวันที่ 10 ก.ค. น้องกุ๊กไก่มีอาการไข้สูง อาเจียน รับประทานอาหารไม่ได้ กระทั่งช่วงเวลา 03.00 น.ญาติได้พาน้องไปโรงพยาบาลอีกครั้งที่ห้องฉุกเฉิน

นพ.พรพัฒน์ กล่าวต่อว่า แรกรับเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจและวัดไข้ได้ 36.7 องศา ชีพจร 88 ครั้งต่อนาที ความดัน 100 กับ 60 ซึ่งอาการช่วงเวลานี้ยังถือว่าไม่เข้าสู่ระยะช็อค แต่เนื่องจากจะต้องรอการตรวจในช่วงเวลา 09.00 น.และยังเหลือเวลาอีกนาน ประกอบกับอาการยังดีอยู่ เจ้าหน้าที่จึงให้น้องกลับไปพักผ่อนที่บ้านแล้วค่อยกลับมาตรวจเลือดในเวลา 09.00 น.ซึ่งมีอาการเริ่มช็อกในช่วงนี้

เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจึงได้ให้น้ำเกลือจนความดันกลับขึ้นมาปกติและรู้สึกตัวดี จึงได้นำตัวส่งต่อไปยังโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ซึ่งความดันยังปกติและพักรักษาตัวได้ 1 คืน แต่ในช่วงเช้าของวันที่ 11 ก.ค. น้องกุ๊กไก่กลับมีอาการช็อคซ้ำ เป็นปรากฏการณ์ที่พิเศษไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะมีการช็อค 2 รอบ ทางแพทย์โรงพยาบาลกาฬสินธุ์จึงได้รักษาให้ยาชนิดต่างๆ และให้น้ำเกลือแล้วแต่อาการไม่ดีขึ้น จึงนำตัวส่งไปยังโรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น ในวันที่ 12 ก.ค. กระทั่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 ก.ค.

นพ.พรพัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีอาการของน้องกุ๊กไก่ ถือเป็นกรณีที่น่าสนใจ เนื่องจากมีอาการไข้เพียง 4 วันก็เสียชีวิต และมีการพบแพทย์ค่อนข้างเร็วแต่ก็เสียชีวิต อีกทั้งยังมีอาการช็อกซ้ำถึง 2 ครั้งในช่วง 2-3 วันแรก ซึ่งเพิ่งปรากฏ อย่างไรก็ตามสำหรับสาเหตุการเสียชีวิตนั้น เบื้องต้นเข้าข่ายเป็นโรคไข้เลือดออก จึงได้ส่งเลือดไปตรวจยืนยัน เพื่อระบุสายพันธุ์ และระบุความรุนแรง

แต่ในเบื้องต้นพบว่าเป็นโรคไข้เลือดออกเดงกีที่รุนแรง มีอาการเลือดรั่วเร็ว ช็อคเร็ว และช็อคซ้ำ จึงเป็นสาเหตุสำคัญทำให้เสียชีวิตเร็ว ทั้งนี้หลังเกิดกรณีดังกล่าวจะมีการทบทวนขบวนการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลทุกแห่ง โดยจะต้องมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ส่วนกรณีที่ญาติติดใจขั้นตอนการรักษาของโรงพยาบาลนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด แต่เบื้องต้นพบว่าในช่วงเวลาที่ตรวจนั้นมีพยาบาลเป็นผู้ตรวจ ก่อนจะมีการรายงานแพทย์