เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เตือนห้ามลอกเลียนแบบ “ทาอายแชโดว์”ขู่ห้ามลูกเล่นมือถือ

ถือเป็นการลงโทษที่รุนแรงทางจิตใจ

ตามที่สื่อสังคมออนไลน์แชร์ภาพเด็กหญิงคนหนึ่งทาอายแชโดว์สีดำ โดยระบุว่า เป็นวิธีที่สอนลูกหากไม่

อยากให้ติดโทรศัพท์ ตื่นมาลูกไม่เล่นโทรศัพท์อีกเลยเพราะกลัวขอบตาดำ ซึ่งมีผู้แสดงความคิดเห็นกันเป็น

จำนวนมาก ตั้งแต่มุมขำขันไปจนถึงมุมสงสารสภาพจิตใจเด็ก และอดคิดไม่ได้ว่าเป็นวิธีการสอนที่ถูกต้องหรือ

ไม่ จะมีผลกับตัวเด็กในอนาคตอย่างไร

พญ.มธุรดา สุวรรณโพธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต  เปิดเผยว่า วิธีการดังกล่าวไม่

ควรทำ และไม่ควรลอกเลียนแบบเป็นอย่างยิ่ง เพราะเปรียบได้กับการถูกลงโทษอย่างรุนแรงทาง

จิตใจ หากทำไปแล้วควรอธิบายเหตุผลให้เด็กฟัง เพราะจากในภาพหากเด็กร้องไห้จากกรณีดัง

กล่าวก็ถือว่าอยู่ในวัยที่พอจะรับฟังเหตุและผลได้ ควรอธิบายไปด้วยว่าตื่นมา เห็นแบบนี้แล้วรู้สึก

อย่างไร ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าอะไร พูดคุยในเชิงเปรียบเทียบให้เด็กเข้าใจ ขณะเดียวกันหากคิด

ว่าสภาพจิตใจเด็กไม่ดีขึ้นเพราะหวาดกลัวกับเหตุการณ์ พ่อแม่ก็สามารถพูดขอโทษลูกได้ เป็น

การปรับความเข้าใจกัน

ในยุคปัจจุบันคงห้ามไม่ให้ลูกเล่นมือถือไม่ได้ ต้องสอนให้รู้เท่าทั้น ทำความเข้าใจก่อนว่ามือถือนั้นมีทั้ง

ข้อดีแล้วข้อเสีย พ่อแม่ควรเป็นคนยื่นมือถือให้ และกำหนดเงื่อนไขหรือกติกาทุกครั้ง เล่นได้กี่นาที ที่ไหน

ให้เล่นหรือไม่ให้เล่น และพ่อแม่ก็ต้องทำให้เด็กดูเป็นตัวอย่างด้วย ไม่ใช่ห้ามลูกแต่ทำเอง ต้องเป็นกติกา

ที่ทำร่วมกัน หรือเป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกันได้ยิ่งดี อาทิ พ่อแม่เล่นเกมเดียวกับลูก แข่งขันกันภายในครอบ

ครัว ทั้งนี้ข้อแนะนำหากบอกให้ลูกวางมือถือก็ควรมีอะไรอย่างอื่นให้ลูกทำต่อ เป็นการสร้างจูงใจ เช่น เดี๋ยว

พาออกไปเที่ยว พาไปกินไอศกรีม เป็นต้น สำหรับการลงโทษนั้นขอให้ทำเป็นลำดับสุดท้าย ก่อนหน้านั้น

ควรพยายามพูดทำความเข้าใจด้วยเหตุด้วยผล พยายามให้รางวัลเชิงบวก เพราะมักจะทำแล้วได้ผลเสมอ

ทุกเพศทุกวัย