วันที่ 4 ก.ค. 62 ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. สั่งการ ให้ พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม ผกก.4 บก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.ประเสริฐ หวังบุญสร้าง สว.กก.4 บก.ป. นำกำลังจับกุมนายปรีชา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนครสวรรค์ที่ จ.50/2562 ลงวันที่ 1 ก.พ. 2562 ข้อหา“ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้น อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้” ได้ที่ริมถนนภายในซอยกำนันแม้น 13 แขวงและเขตบางบอน กทม.
พ.ต.อ.แมน กล่าวว่า เมื่อปี 2558 นายปรีชาได้ไปอยู่กินกับอดีตภรรยาที่ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ซึ่งทางฝ่ายภรรยาคนนี้ก็มีลูกติดมาหนึ่งคนคือ น.ส.เอ ขณะนั้นอายุประมาณ 14 ปี กระทั่งเมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา นายปรีชาเห็นว่า น.ส.เอเริ่มโตเป็นสาวแล้ว ประกอบกับตนเองเป็นคนที่มีอารมณ์ทางเพศสูง จึงอาศัยจังหวะที่ภรรยาออกไปทำงานโดยปล่อยให้นายปรีชาอยู่กับลูกเลี้ยงเพียงลำพัง
นายปรีชาจึงฉวยโอกาศบุกเข้าไปในห้องนอนของลูกเลี้ยงพยายามกระทำอนาจาร และพยายามข่มขืนกระทำชำเรา โดยใช้นิ้วมือ แต่ผู้เสียหายก็ดิ้นขัดขืน จนสามารถหลบหนีออกมาจากห้องได้ก่อนจะรีบนำเรื่องไปฟ้องแม่ พร้อมกับเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายปรีชาที่ สภ.ตาคลี เมื่อนายปรีชารู้ว่า ผู้เสียหายเข้าแจ้งความทำให้ต้องรีบหลบหนีออกจากพื้นที่จนเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า ผู้ต้องหาหลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ใน กทม. จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัวได้ดังกล่าว
จากการสอบสวนนายปรีชา ให้การยอมรับสารภาพว่า ที่ผ่านมาเคยพยายามจะข่มขืนน.ส.เอมาแล้วหนึ่งครั้ง แต่ไม่สบโอกาศ จนมาครั้งล่าสุดคือเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ก็สบโอกาสอีกครั้งจึงรีบลงมือแต่ไม่สำเร็จ ภายหลังเมื่อรู้ว่าตนถูกแจ้งความดำเนินคดีก็เลยรีบหลบหนีมาอยู่ที่กรุงเทพฯ และก็เพิ่งจะมีภรรยาใหม่กระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว ภายหลังการสอบสวนเจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งสภ.ตาคลีดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป