เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

 

ร.ต.อ.เครียด ถูกย้ายจากงานปราบมาทำด้านสอบสวน ใช้อาวุธปืนจ่อยิงหัวตัวเองดับคาบ้านพัก เมียลั่น!! คำสั่งโยกย้ายเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา กลายเป็น “คำสั่งตาย” ทำลายครอบครัว ลูก 2 คน ต้องกำพร้าพ่อตั้งแต่เด็ก

พ.ต.ท.อติชาติ พรฑิตกุล รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.มาบอำมฤต ได้รับแจ้งเหตุตำรวจยิงตัวตายในบ้านเลขที่ 119 ถนนเทศบาลซอย 6 หมู่ที่ 12 ตำบลดอนยาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.เสกสิทธิ์ สุวรรณฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวร รพ.มาบอำมฤต หน่วยกู้ภัยปะทิว หน่วยกู้ชีพเทศบาลมาบอำมฤต ที่เกิดเหตุอยู่ห่างจาก สภ.มาบอำมฤต ประมาณ 500 เมตร เป็นบ้าน 2 ชั้น ตรวจสอบที่ห้องนอนชั้นสองพบศพ ร.ต.อ.พิเชษฐ์ สุชาติพงษ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.มาบอำมฤต อายุ 48 ปี นอนหงายอยู่บนที่นอนมีแผลถูกยิงที่ขมับขวาทะลุขมับซ้ายกระสุนพุ่งขึ้นไปเจาะฝ้าเพดานห้องเป็นรูโป๋ 1 รู ที่มือขวากำปืนสั้นขนาด 9 มม. กระสุนในรังเพลิงถูกยิงออกไปแล้ว 1 นัด มีหมอนโชกเลือดตกอยู่ข้างศพ 1 ใบ มีร่องรอยกระสุนปืนจ่อยิงจนทะลุ บนหัวเตียงนอนมีวิทยุสื่อสารวางอยู่ 1 เครื่อง

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบสมุดบันทึกที่ ร.ต.อ.พิเชษฐ์ เขียนข้อระบายความในใจไว้ถึง 3 หน้ากระดาษ โดยระบุถึงสาเหตุที่ต้องยิงตัวตามมาจากคำสั่งที่ถูกย้ายจากงานสายป้องกันและปราบปราบไปอยู่ในตำแหน่งงานสอบสวนอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม ความอัปยศต่างๆ นาๆ ในแวดวงสีกากีและเส้นสายในการวิ่งเต้นโยกย้ายตำแหน่ง จนตำรวจดีๆ ต้องหมดหวังหมดกำลังใจ เจ้าหน้าที่จึงเก็บสมุดบันทึกไว้เป็นหลักฐาน พร้อมนำส่งศพไปชันสูตรที่โรงพยาบาล

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ร.ต.อ.พิเชษฐ์ ออกเวรกลับมาบ้านแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าขึ้นไปเก็บตัวเงียบอยู่ในห้องนอนเพียงคนเดียว ขณะที่ลูกสาวคนโตอายุ 14 ปี นั่งทำการบ้านอยู่ชั้นล่าง ส่วนภรรยาได้พาลูกชายวัย 9 ขวบ เดินออกไปบ้านพี่ชายซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 400 เมตร ไม่นานก็มีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด แต่เสียงไม่ดังมากนัก ลูกสาวที่นั่งทำการบ้านอยู่เข้าใจว่าเป็นเสียงรถท่อรถจักรยานยนต์ ต่อมาจึงคิดเอะใจว่าทำไม่พ่อปิดไฟในห้องนอนและชั้น 2 จนมืดสนิท จึงโทรศัพท์ไปบอกแม่ให้รีบกลับมาดูและเมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปก็พบว่า ร.ต.อ.พิเชษฐ์ ยิงตัวตายดังกล่าว

นางแอนนา สินธุนนท์ อายุ 44 ปี ภรรยาผู้ตาย ได้กล่าวเสียงดังต่อหน้า พ.ต.อ.เสกสิทธิ์ สุวรรณฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร ถึงปมเหตุที่สามีตนเองยิงตัวตายว่ามามาจากความเครียดในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา หลังมีคำสั่งย้ายสามีตนจากตำแหน่งรองสารวัตรป้องกันและปราบปรามไปอยู่ตำแหน่งรองสารวัตรสอบสวน เป็นการย้ายตำรวจจากงานถนัดไปอยู่งานที่ไม่ถนัด โดยไม่เคยสอบถามใดๆ ทั้งสิ้น คิดจะย้ายใครไปอยู่ตรงไหนก็ย้าย ตนขอตัดขาดจากวงการตำรวจอย่างเด็ดขาดจะไม่ขอเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น ขณะที่ พ.ต.อ.เสกสิทธิ์ยืนฟังด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมกล่าวปลอบใจและให้กำลังใจครอบครัว ร.ต.อ.พิเชษฐ์

นางแอนนา กล่าวอีกว่า ปกติสามีตนเป็นรักครอบครัวสนุกสนานร่าเริงมีอัธยาศัยดี เพื่อนร่วมงานและชาวบ้านรัก แต่หลังจากมีคำสั่ง หลังจากมีคำสั่งย้ายช่วงกว่า 3 เดือนที่ผ่านมา สามีตนกลายเป็นคนเครียดเก็บกดเก็บตัวไม่สึงสิงกับใคร เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยทีเดียว และจะพูดจาตัดพ้อกับตนและเพื่อนๆ ทุกวันเกี่ยวกับตำแหน่งที่ถูกปรับย้ายว่าไม่ถนัด ไม่เป็นงานสอบสวน ตนฝากถามไปถึงระดับผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า การโยกย้ายตำรวจแต่ละครั้งคิดจะย้ายใครไปไปอยู่ตรงไหนก็ได้ใช่ไหม โดยไม่เคยสอบถามผู้ที่ถูกย้ายว่ามีความสามารถด้านใด ทำงานอะไรได้บ้าง เคยรู้ปัญหาเหล่านี้ไหม ไม่ใช่คิดแต่จะหาผลประโยชน์วิ่งเต้นตำแหน่งกัน คำสั่งโยกย้ายครั้งนี้กลายเป็นคำสั่งตาย ทำลายครอบครัว ตนและลูกๆ ทั้ง 2 คนต้องกำพร้าพ่อตั้งแต่ยังเด็กขาดเสาหลักของครอบครัว

สำหรับ ร.ต.อ.พิเชษฐ์ สุชาติพงษ์ อดีตเป็นตำรวจชั้นประทวนยศจ่าสิบตำรวจ (จ.ส.ต.) ตำแหน่ง ผบ.หมู่ ฝ่ายป้องกันและปราบปราม ประจำอยู่ที่ สภ.มาบอำมฤต ต่อมาได้เรียนระดับปริญญาตรีจบคณะนิติศาสตร์ จากนั้นในปี พ.ศ.2548 สอบติดนายตำรวจสัญญาบัตรในตำแหน่งรองสารวัตรป้องกันและปราบปราบ (รอง สว.ป.) จนเมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งโยกย้ายระดับรอง สว. ถึง รอง ผบก. ตามคำสั่งที่ 127/2562-139/2562 จำนวน 6,239 ตำแหน่ง โดยคำสั่งดังกล่าวได้โยกย้าย ร.ต.อ.พิเชษฐ์ สุชาติพงษ์ รองสารวัตรป้องกันและปราบปราม สภ.มาบอำมฤต ไปอยู่ในตำแหน่ง รองสารวัตร

CR:dailynews