เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ภาพจาก เรื่องเล่า เสาร์-อาทิตย์

เมื่อบ่ายของเมื่อวาน (22 มิ.ย.62) มีรายงานว่าตำรวจปราบปรามยาเสพติดภาค 6 บุกจับ นางประชุม อายุ 61 ปี มารดาของนายตำรวจ ระดับสารวัตรคนดังเมืองปากน้ำ ขณะออกจากหน้าบ้านมารับกล่องพัสดุของไปรษณีย์อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีต้นทางส่งมาจากภาคอีสาน ระบุชื่อผู้รับ นายพิเชษฐ เสาแบน ต้นทางระบุส่งมาจากพนมทวน แซ่หวาง 769/1 รหัสไปรษณีย์ 31150

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดดูพัสดุภายในกล่อง พบว่าเป็นยาไอซ์ 50 กรัมและยาอีสีขาว จำนวนกว่า 50 เม็ด จึงควบคุมตัวผู้ต้องหามาตรวจค้นภายในบ้านพักชั้นเดียว ซึ่งระบุว่าเป็นบ้านของนายพิเชษฐ เสาแบน ตามที่ระบุไว้ในพัสดุ จากนั้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปสอบสวนขยายผล ยังกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดทันที

เบื้องต้นตำรวจได้สอบสวนขยายผล ทราบว่าผู้เดินทางไปรับพัสดุไม่ทราบเรื่อง จึงควบคุมตัวไปสอบสวนขยายผล เนื่องจากบ้านหลังดังกล่าวมีชื่อ พ.ต.ท.พิเชษฐ เสาแบน สว.กก.2 บก.ทท. กองกับกับการ บช.ททซึ่งเป็นลูกชายของบุคคลที่ถูกควบคุมตัวไปสอบสวนเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งรายงานข่าวแจ้งว่า ยาเสพติดดังกล่าวที่ส่งมาจากจังหวัดทางภาคอีสาน ระบุปลายทางบ้านของนายพิเชษฐ เสาแบน อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งตำรวจ ปส.ได้สืบสวนและติดตามมานานหลายเดือนแล้ว

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง พ.ต.ท.พิเชษฐ เสาแบน หรือ สารวัตรแย้ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องจริง แม่ได้โทรศัพท์มาแจ้ง ถูกตำรวจจับกุมหลังจากออกมารับพัสดุจากไปรษณีย์ แล้วพบยาไอซ์ และยาอีบรรจุอยู่ภายในกล่องพัสดุ ซึ่งขอชี้แจงว่า เรื่องนี้ตนถูกกลั่นแกล้งจากกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดมาจ้องทำร้าย เพราะก่อนหน้านี้ ตนรับราชการกวาดล้างจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาค 6 มานาน จับกุมผู้กระทำความผิดมาหลายราย และเคยมีการจับตัวการใหญ่ติดคุกตลอดชีวิตมาแล้ว จนครั้งหนึ่งเคยถูกร้องเรียนจนตนโดนขังไป 7 วัน ซึ่งก็หอบหลักฐานมาสู้คดีแก้ต่างอยู่เรื่อยมานานกว่า 3 ปี แต่กลุ่มขบวนการพวกนี้ ก็ยังไม่หยุด ยังคงหาวิธีสารพัดมาเล่นงานตน

 

 

ล่าสุด ผมผันตัวเองมาค้าพระเครื่อง และเปิดเพจเฟซบุ๊กเป็นแอดมินเอง กลุ่มขบวนการนี้ ก็ยังมีการปลอมเฟซบุ๊ก ชื่อ-นามสกุลผม หรือแม้กระทั่ง ก่อนการจับกุมแม่ตนในครั้งนี้ ผมได้รับโทรศัพท์ขณะกำลังตัดผมอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ ว่าจะมีการโอนเงิน และขอเลขบัญชี เพื่อรับรองของ ผมก็ยังแปลกใจ เพราะว่าการซื้อขายพระสำหรับเพจตนนั้น จะไม่มีการโอนเงินก่อนส่งของ จึงได้โทรศัพท์ติดต่อกลับไปเพื่อสอบถาม แต่ปลายสายก็บอกว่าจะส่งของให้กับแย้ ให้รอรับของปลายทางแล้วกัน โดยที่ไม่พูดชื่อจริงกับนามสกุลแต่อย่างใด หลังจากนั้น ผมก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย จนมาทราบเรื่องว่าแม่ถูกจับกุม”

ภาพจาก เรื่องเล่า เสาร์-อาทิตย์

พ.ต.ท.พิเชษฐ ระบุด้วยว่า บ้านที่ถูกส่งพัสดุบรรจุยาเสพติดไปนั้น มีพ่อวัย 71 ปี ป่วยอยู่ โดยมีแม่ตนอายุ 61 ปี คอยดูแล และตนจะเดินทางไปหานานๆ ครั้งเท่านั้น ตนเป็นนายตำรวจระดับสารวัตร จบนักเรียนนายร้อยมา คงไม่บ้องตื้นให้ส่งยาเสพติดมาที่บ้าน โดยใช้ชื่อ-สกุลจริงของตนแน่ ซึ่งพวกนี้ยังคงจ้องจองเวรตนอยู่ และทราบว่า ยาเสพติดดังกล่าวเป็นการจับมาจาก จ.บุรีรัมย์ แต่ขยายผลมาส่งยามาที่บ้านตนได้อย่างไร และหลังจากมีการจับกุมแม่ของตน ก็ได้มีการนำตัวไปสอบปากคำ และปล่อยตัวมาแล้ว ซึ่งตนก็คงต้องรอหมายเรียกให้ตนไปสอบปากคำเช่นกัน ตนรู้สึกยอมรับว่าเหนื่อยเหลือเกินกับการที่ต้องมาหอบหาหลักฐานต่างๆ มาต่อสู้ให้ตัวเองพ้นผิดอยู่คนเดียว โดยไม่มีใครมาช่วย จึงขอสื่อมวลชนให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของนางประชุม มารดา พ.ต.ท.พิเชษฐ และเป็นผู้ถูกจับในคดีนี้ พบว่าเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ภายในไม่ค่อยมีเฟอร์นิเจอร์หรือสิ่งของตกแต่งมากนัก โดยได้พบ นางประชุม เปิดเผยให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า วันที่ถูกจับตนกำลังอยู่ดูแลสามี ซึ่งป่วยไม่สามารถเดินได้ เนื่องจากเข้ารับรักษาผ่าตัดสมอง เพราะประสบอุบัติเหตุรถคว่ำเมื่อหลายปีก่อน โดยขณะนั้น จู่ๆ ก็มีบุรุษไปรษณีย์มาที่หน้าบ้าน บอกมีจดหมายพัสดุส่งมา ตนจึงได้ออกมารับ และก็ทราบว่าเป็นพัสดุใช้ชื่อส่งถึงบุตรชายตน ก็ไม่ได้เอะใจอะไร

แต่เมื่อเซ็นชื่อรับของ ตนยังไม่ทันจะได้เดินเข้าไปในบ้าน ก็มีกลุ่มบุคคลอ้างตัวเป็นตำรวจนับ 10 คน โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ เข้ามารุมล้อมตน พร้อมกับถามว่าพัสดุอะไร รู้หรือเปล่าว่ามียาบ้าอยู่ในนั้น ตนก็รู้สึกงง จึงได้พยายามที่จะโทรไปหาผู้ใหญ่บ้านให้มาช่วยกันตรวจสอบ เพราะตนก็ตกใจ ที่อยู่ดีๆ ก็มีตำรวจเข้ามารุมล้อม แต่ปรากฏว่า ไม่สามารถติดต่อผู้ใหญ่บ้านได้ เนิ่องจากถูกกลุ่มเจ้าหน้าที่ยึดโทรศัพท์ไป พร้อมกับให้ตนเปิดกล่องพัสดุออกมาให้ดู จึงได้เห็นว่ามียาเสพติดบรรจุอยู่ในกล่อง แต่ตนก็ไม่รู้ว่าเป็นยาอะไรเช่นกัน

ส่วนใหญ่ตนจะจำภาพยาบ้าได้จากตามสื่อต่างๆ แต่ยาที่บรรจุอยู่ในกล่อง ซึ่งเป็นเกล็ด และมียาเม็ดสีขาว ตนก็มองไม่ออกว่าเป็นยาอะไร จึงถามเขากลับไปว่ามันเป็นยาบ้าหรือ ซึ่งก็ไม่ได้รับคำตอบอะไร แล้วพวกเขาก็เชิญตนไปที่สำนักงานด่านตรวจ พื้นที่ จ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ มีเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งช่วยกันนับยา และอีกนายหนึ่งมาสอบปากคำตอน ตนก็ยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็น และไม่ทราบเรื่องยาเสพติดที่บรรจุอยู่ในกล่อง ตนเป็นเพียงหญิงสูงวัยที่เดินออกมาเซ็นต์รับของเท่านั้น เพราะมีบุรุษไปรษณีย์มาส่งของหน้าบ้าน คืออยากถามกลับไปว่า บุรุษไปรษณีย์มาส่งจดหมายหน้าบ้าน แล้วคุณจะไม่ออกไปรับของหรือ ทั้งที่ตนก็ไม่รู้ว่าข้างในมันมีอะไร ก็ต้องมาเซ็นรับก่อน ถ้าเป็นแบบนี้ เท่ากับว่าต่อไป จะเซ็นรับของจากไปรษณีย์ต้องให้เค้าเปิดให้ดูก่อนถึงจะเซ็นรับได้”

นางประชุม ยังกล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมา เรื่องของจดหมาย หรือพัสดุ ไม่เคยมีส่งมาถึงบุตรชายตนเลย จะมีก็แต่แค่เอกสารการชำระหนี้ ธกส. ระบุชื่อบุตรชายส่งมาเพียงเท่านั้น ตนขอยืนยันได้ โดยพร้อมที่จะให้ตรวจสอบทั้งประวัติ และบัญชีธนาคารทั้งหมด เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ครอบครัวตนไม่เคยมีประวัติยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอยู่แล้ว ทุกวันนี้อยู่กันสองคนผัวเมีย ตนก็ต้องดูแลสามีที่ป่วย และก็มีรายได้จากลูก 2 คน ที่ส่งมาให้เท่านั้น ตนมีเงินติดอยู่ในบัญชีอยู่หมื่นกว่าบาท พร้อมมีหนี้สินอีกนับแสนบาท หากค้ายาเสพติดจริงก็ต้องมีฐานะเป็นอยู่ดีมากกว่านี้

ส่วนเรื่องที่ตนถูกจับยาเสพติด ยอมรับว่าเสียหายมาก เพราะตั้งแต่ถูกจับ เพื่อนบ้านพากันมองหน้าแปลกๆ อีกทั้ง ยังมีเพื่อนโทรศัพท์มาพูดว่า มีคนเขามาบอกว่าห้ามมายุ่งเกี่ยวกันตนอีก เพราะพัวพันยาเสพติด ซึ่งทำให้คนที่เป็นโรคความดันอยู่แล้ว รู้สึกเครียดมากๆ แต่ยืนยันว่าครอบครัวตนบริสุทธิ์ และกำลังรอหมายเรียกจากตำรวจให้ไปสอบปากคำอีกคัร้ง เพราะยังไม่ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งตนก็จะยืนยันความจริงและจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกชาย และครอบครัวของตนด้วย