เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

จากเหตุการณ์เรื่องราวของ คอร์ตนีย์ วิตฮอร์น สาววัย 20 ปี จากเมืองโกลด์โคสต์ รัฐควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย กัดเล็บหมดทั้งนิ้วหัวแม่มือ จนเนื้อใต้เล็บกลายเป็นสีดำแล้วปิดบังครอบครัวและเพื่อนฝูง โดยกำหมัดมือแล้วสวมเล็บปลอมนานถึง 4 ปี

 

คอร์ตนีย์ต้องเข้ารับการผ่าตัด 4 ครั้ง ซึ่งครั้งสุดท้ายต้องตัดนิ้วหัวแม่มือออกถาวรเมื่อปลายเดือนส.ค.2561 หลังจากเข้ารับการวินิจฉัยเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา

ตอนแรกคอร์ตนีย์จะรักษาเล็บเพื่อความงาม และศัลยแพทย์พลาสติกแนะนำให้เอาเนื้อใต้เล็บที่มีสีดำออก แต่ก่อนผ่าตัดครั้งแรก ศัลยแพทย์แจ้งว่ามีอะไรผิดปกติและขอตัดชิ้นเนื้อไปตรวจสอบ

 

“ศัลยแพทย์ทดสอบหลายครั้งมากขึ้นและส่งผลตรวจกลับมา ดิฉันทราบว่าเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา (Malignant melanoma) ซึ่งหายากยิ่งโดยเฉพาะคนวัยเดียวกันและขนาดมะเร็งดังกล่าว ดิฉันรู้สึกช็อกมากจนไม่อยากเชื่อ แม่ของดิฉันระเบิดเป็นน้ำตาออกมาค่ะ” คอร์ตนีย์กล่าว

 

หลังจากผ่าตัดเอาเนื้อใต้เล็บออกเป็นครั้งที่ 2 คอร์ตนีย์เข้ารับการถ่ายภาพรังสีระนาบด้วยการปล่อยโพซิตรอน (PET) เพื่อสร้างภาพ 3 มิติ ที่มีความละเอียดภายในนิ้วหัวแม่มือ ปรากฏไม่พบเซลล์มะเร็งอีก

ทว่าเพียง 1 สัปดาห์ต่อมา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากนครซิดนีย์แจ้งศัลยแพทย์ที่รักษาคอร์ตนีย์ว่า การรักษาจำเป็นต้องตัดนิ้วหัวแม่มือทิ้ง เนื่องจากเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดหายากยิ่ง ศัลยแพทย์ลงมือผ่าตัดครั้งที่ 3 แต่ครั้งนี้ผ่าแผลนิ้วโป้งให้กว้างขึ้นเพื่อเอาเซลล์มะเร็งออกมากขึ้น แต่สุดท้ายต้องตัดนิ้วหัวแม่มือเหนือข้อนิ้วขึ้นไปในการผ่าตัดครั้งที่ 4

 

คอร์ตนีย์ นักศึกษาสาขาจิตวิทยา กำลังรอผลการผ่าตัดนิ้วหัวแม่มือ ขณะที่ศัลยแพทย์จะเฝ้าดูติดตามผลอีก 5 ปีข้างหน้า

“มีงานวิจัยไม่เพียงพอที่จะระบุว่า อัตราการรอดชีวิตหรือโอกาสกลับมาเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดนี้อีกครั้งสูงเท่าไร เนื่องจากเราไม่ทราบเรื่องนี้มาก ดิฉันแค่ร้องไห้ทุกครั้งที่เรื่องนี้ถูกหยิบยกขึ้นมา”