เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณกำลังพิจารณาจัดเตรียมวงเงินงบประมาณและรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจรอเสนอให้รัฐบาลใหม่พิจารณาใช้จัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและใช้สนองนโยบายหาเสียงที่ให้ไว้

โดยนอกจากมีงบประมาณกลางและวงเงินจากแหล่งอื่นกว่า 1 แสนล้านบาทแล้ว ยังมีการเปิดช่องให้รัฐบาลใหม่สามารถใช้งบประมาณลับ ตามกฎหมาย...วิธีการงบประมาณ..2561 ซึ่งเรียกว่าเงินทุนสํารองจ่ายที่ให้อำนาจครม.อนุมัติใช้ได้อีก 50,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในกรณีที่มีความจําเป็นและเร่งด่วนเพื่อประโยชน์แก่ราชการแผ่นดินและกรณีงบประมาณรายจ่ายงบกลางรายการเงินสํารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็นไม่เพียงพอ

ทั้งนี้ การกำหนดให้รัฐบาลใช้เงินทุนสํารองจ่ายได้ถึง 50,000 ล้านบาท ถือเป็นกฎหมายใหม่เพิ่งปรับปรุงแก้ไขในสมัยรัฐบาล พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2561 โดยมีการนำกฎหมาย...วิธีการงบประมาณ..2502 ซึ่งกำหนดให้ครม.สามารถใช้เงินทุนสํารองจ่ายกรณีมีความจําเป็นเพื่อประโยชน์แก่ราชการแผ่นดินเพียง100 ล้านบาทมาปรับใหม่เป็น...วิธีการงบประมาณ..2561 ซึ่งให้อำนาจครม.ใช้เงินทุนสํารองจ่ายเพิ่มเป็น50,000 ล้านบาทและยังมีการปรับปรุงวิธีการใช้งบประมาณอื่นๆที่สำคัญอีกหลายมาตรา

...วิธีการใช้งบประมาณ2561 ถือเป็นการตั้งจำนวนเงินไว้สูงเพราะ...เดิมให้แค่100 ล้านบาทปรับเพิ่มเป็น50,000 ล้านบาทอีกทั้งยังไม่มีการเจาะจงชัดเจนว่าจะใช้ทำอะไรจึงเป็นการเปิดโอกาสให้รัฐบาลสามารถนำเงินไปใช้ได้โดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาตามหลักเกณฑ์งบประมาณที่ต้องมีการตั้งรายละเอียดวัตถุประสงค์โครงการและในกฎหมายยังกำหนดด้วยว่าเมื่อมีการจ่ายเงินทุนสำรองจ่ายไปแล้วให้รัฐบาลตั้งงบประมาณรายจ่ายเพื่อชดใช้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายเพื่อสมทบเงินทุนนั้นไว้จ่ายต่อไปในโอกาสแรก

อย่างไรก็ตาม ในรอบปีที่ผ่านมารัฐบาลยังไม่เคยใช้เงินทุนสำรองจ่าย50,000 ล้านบาทมาก่อนแต่มีความเป็นไปได้ว่ารัฐบาลชุดใหม่ที่มีพล..ประยุทธ์จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรีอาจพิจารณาใช้เงินทุนสำรองจ่ายเป็นอีกวิธีหนึ่งในการหางบประมาณมาใช้ทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกทั้งยังมีปัญหาเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี2563 ล่าช้าออกไปอีก3 เดือนรวมถึงต้องเข้ามาผลักดันนโยบายหาเสียงที่ให้ไว้ซึ่งประเมินว่าจะใช้เงินมหาศาลกว่า2 แสนล้านบาทจึงเข้าข่ายสถานการณ์จำเป็นเร่งด่วนที่สามารถทำได้

 

ข้อมูลจากkhaosod