จากกรณี นางสาวศศิธร ชูจิต อายุ 30 ปี แจ้งความว่าลูกชายอายุ 1 เดือนกว่า ถูกลักพาตัวไปหลังเจ้าตัวโดนป้ายยาก่อนความจริงปรากฏพบว่า ที่จริงแล้วคนที่นำเด็กไปคือแม่แท้ๆของเด็ก ที่นางสาวศศิธรขอมาเลี้ยง เพราะแม่แท้ๆ ตอนนั้นอ้างว่าไม่พร้อม โดยเอามาตบตาสามีและคนที่บ้านเพราะตัวเองแท้งลูกกลัวสามีเสียใจ และจะถูกทิ้งตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ (12 มิถุนายน2562) มีรายงานความคืบหน้าว่า เจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับนางสาวศศิธรใน 3 ข้อหา คือ แจ้งความเท็จ ปลอมแปลงเอกสารทางราชการ และใช้เอกสารราชการปลอม เนื่องจากมีการปลอมเอกสารใบแจ้งเกิด
ทั้งนี้ นางบุญธรรม ภูเขาทอง อายุ52 ปี แม่ของสามีนางสาวศศิธร เปิดเผยว่า ตนช็อกมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะตนก็รักสะใภ้คนนี้เหมือนลูก ตนยอมรับว่าไม่รู้ว่านางสาวศศิธรหลอกว่าท้อง เพราะตอนที่บอกว่าท้องเขาและลูกชายขอแยกไปอยู่อีกบ้านตนก็ดีใจที่จะมีหลาน นางสาวศศิธรเคยบอกว่าอัลตราซาวด์แล้วได้ลูกสาว แต่วันที่คลอดตนไปเยี่ยมกลับพบว่าเป็นผู้ชายแต่ไม่เอะใจ เพราะดีใจมากที่จะมีหลานคนแรกของตระกูล
นางบุญธรรม กล่าวทั้งน้ำตาว่า ก่อนจะเกิดเรื่องตนเตรียมจะซื้อทองไว้ให้หลานแล้ว และตั้งใจว่าสมบัติที่มีทั้งหมดจะยกให้หลานคนเดียว แต่เมื่อความแตกตนก็เสียใจมากเพราะเลี้ยงเด็กมากว่า 1 เดือนตนรักไปแล้ว ตนคาใจว่าที่บ้านของนางสาวศศิธรรู้เรื่องนี้ด้วยหรือไม่ เพราะตนต้องหาเงิน 200,000 บาท เพื่อไปสู่ขอ เพราะนางสาวศศิธรมาอ้างว่าท้องจึงต้องไปสู่ขอ
หลังจากนี้ตนขอตัดขาดกับนางสาวศศิธรไม่ขอยุ่งเกี่ยวกันอีกแต่ส่วนตัวลูกชายจะยังคบหาอยู่หรือไม่นั้นก็แล้วแต่แต่ตนจะไม่ขอรับเป็นสะใภ้อีกต่อไป
ขณะที่พ่อของนางสาวอิงอรแม่แท้ๆ ของเด็กเปิดเผยว่า ตนก็ไม่รู้ว่าลูกสาวท้องยอมรับว่าลูกสาวเป็นเด็กเกเร ตอนนี้ก็ไม่อยากจะซ้ำเติมลูกแล้วเพราะคิดว่าเขาคงบอบช้ำพอแล้วและเมื่อได้หลานกลับมาก็งคงต้องเลี้ยงดูต่อไป
