เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เป็นอีกสะเทือนขวัญเมื่อปี 2560 สำหรับ คดีฆาตกรรมโหดยกครัว 8 ศพ โดยกลุ่มคนร้ายแต่งกายชุดลายพราง บุกเข้าบ้านพักของนายวรยุทธ สังหลัง อายุ 46 ปี หรือผู้ใหญ่บัติ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 .บ้านกลาง ก่อเหตุสังหารหมู่ภายใน อ.อ่าวลึก .กระบี่ ก่อนก่อเหตุสังหารหมู่ 8 ศพ และบาดเจ็บอีก 3 ราย สิ่งที่สะเทือนใจคือจำนวนผู้ตายมีด.ญ 3 ราย อายุเพียง 4 ขวบ 8 ขวบ และ12 ปี รวมอยู่ด้วย

ความอหังการของทีมสังหารทำให้ พล...จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ต้องล่องใต้โดดลงมาคุมคดีด้วยตนเอง สั่งการให้พล...เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. คุมทีมจากส่วนกลางร่วมสืบสวนคลี่คลายคดี ร่วมกับตำรวจ บช.ภาค 8 และบก..จว.กระบี่ ทันที

ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงของตำรวจที่สามารถคลี่คลายคดีฆาตกรรมยกครัวครั้งนี้ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยเวลาเพียง 5 วัน ก็ลากคอผู้ต้องหาได้ยกแก๊ง 8 คน มารับโทษตามกฎหมาย

ส่วนสาเหตุก็เกิดจากความแค้นเรื่องที่ดินที่ผู้ใหญ่เหยื่อโหดครั้งนี้นำไปจำนองกับคนร้าย แต่คนร้ายกลับเอาไปจำนองต่อกับธนาคารโดยที่เจ้าของเดิมไม่รู้ไม่เห็น เมื่อเอาเงินไปไถ่ถอนเรียบร้อยแทนที่จะคืนใบโฉนดให้แก่กัน ก็กลับไม่ดำเนินการจนกลายเป็นความแค้นฝังใจถึงขั้นขู่ฆ่าล้างโคตรกันไปมา นำมาสู่การฆ่าล้างโคตร โดยผู้ต้องหาก็ไม่ใช่คนมีสีที่ไหน แต่ที่แต่งกายชุดลายพราง ก็เพื่ออำนวยความสะดวกเวลาเจอด่านตรวจ ยืนยันว่าปมความขัดแย้งมีแค่เรื่องที่ดิน

ผู้ต้องหาทั้งหมดประกอบด้วย 1.นายซูริก์ฟัต หรือ บังฟัต หรือโทริ บ้านนบวงศ์สกุล อายุ 41 ปี หัวหน้าแก๊ง 2.นายประจักษ์ บุญทอย 3.นายธนชัย จำนอง 4.นายอรุณ ทองคำ 5.นายธวัฒชัย บุญคง 6.นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ 7.นายคมสรรค์ เวียงนนท์ และ 8...ชลิดา สังขโชติ ภรรยาอีกคนของบังฟัต ทั้งหมดศาลอนุมัติหมายจับหลายข้อหาซึ่งหนักหน่วงทั้งสิ้น

ประเด็นที่นำมาสู่การสังหารโหดเกิดจากการที่ผู้ใหญ่บัตินำโฉนดที่ดินของพ่อตาไปขายฝากไว้กับบังฟัตระหว่างปี 2552-2554 เป็นเงินล้านกว่าบาท ต่อมาผู้ใหญ่บัติได้รับแจ้งจากธนาคารว่ากำลังหลุดจำนองจึงเอาเงินไปไถ่ถอนคืน เมื่อเรื่องเรียบร้อยบังฟัตกลับไม่ยอมคืนโฉนดให้ จนเกิดความขัดแย้งถึงขั้นผู้ใหญ่บัติขู่จะฆ่าล้างโคตร

จนกระทั่งบังฟัตเคยถูกลอบยิงมาแล้วเมื่อปี 2556 แต่ไม่เป็นอะไรจึงไม่ได้แจ้งความ แต่ก็ผูกใจเจ็บเรื่อยมาเคยวางแผนลงมือแล้ว 3 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จกระทั่งมาสำเร็จเอาครั้งนี้

จากการสอบสวนทราบว่า บังฟัตวางแผนก่อเหตุด้วยการเรียกพวกลูกจ้างลูกน้องที่รับจ้างบางคนทำสวนยางพารา รวม 6 คนมาร่วมงาน บอกว่าจะมาทวงหนี้เงินกู้ 3 ล้านบาท และให้ค่าจ้างคนละ 1 พันบาท

ก่อนก่อเหตุให้ทุกคนเปลี่ยนชุดเป็นเครื่องแบบลายพราง เพื่ออำนวยความสะดวกเวลาเดินทางผ่านด่านตรวจ นอกจากนี้ ยังให้ลูกน้องเรียกตัวเองว่า ผู้พันขณะที่ลูกน้องที่ก่อเหตุก็เรียกกันว่า จ่าและ ผู้กอง

เบื้องต้น บังฟัตตั้งใจจะฆ่าแค่ผู้ใหญ่บ้านกับเมียเท่านั้น เนื่องจากผู้ใหญ่บ้านเป็นคู่ขัดแย้งที่เคยอาฆาตกันมาก่อน ขณะที่เมียมีชื่อเป็นเจ้าของโฉนดเจ้าปัญหา จึงสวมหมวกไอ้โม่งคลุมหน้าตาป้องกันไม่ให้คนในบ้านจำหน้าได้ เพราะจริงๆ แล้วทั้งบังฟัตและผู้ใหญ่บัติก็เป็นเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกัน ในระดับหนึ่ง แต่เกิดผิดแผน เนื่องจากพอบุกเข้าไปในบ้านแล้วกลับไม่พบเป้าหมายจึงต้องรออยู่เป็นเวลานาน ทำให้พยานจำหน้าลูกน้องได้หมด

นอกจากนี้ เมื่อผู้ใหญ่บัติมาถึง ก็ให้ลูกน้องล็อกตัวเอาไปพูดคุย ขณะนั้นผู้ใหญ่บัติเอ่ยชื่อ โทริ ซึ่งเป็นฉายาของบังฟัตสมัยเป็นนักมวยใช้ชื่อโทริจรวดเล็กศักดิ์พรน้อยทำให้บังฟัตถอดหมวกไอ้โม่งออก เพราะรู้แล้วว่าผู้ใหญ่บัติจำเสียงได้จึงตัดสินใจฆ่าปิดปากทั้งหมด โดยใช้ปืน.38 ของผู้ใหญ่บัติลั่นไกทีละคนไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงหรือเด็กอย่างโหดเหี้ยม

ช่วงนั้นให้ลูกน้องเอาผู้ใหญ่บัติไปขังไว้ในรถ พร้อมให้เซ็นใบโอนรถยาริสและให้โทรศัพท์ไปยืมเงินเพื่อนให้โอนเข้าบัญชี 5 แสนบาท อำพรางว่า เครียดเรื่องปัญหาหนี้สินและยังยึดบัตรเอทีเอ็มของผู้ใหญ่บัติเพื่อเตรียมไปกดเงินด้ว

ทั้งนี้ เมื่อลูกน้องคุมตัวผู้ใหญ่บัติเข้ามาในบ้าน เมื่อผู้ใหญ่บัติเห็นคนในบ้านถูกยิงหมดก็คลุ้มคลั่งอาละวาดยื้อยุดอยู่กับบังฟัตทำให้ปืนหล่นขณะนั้นนายอรุณหรือบังกีลูกน้องก็ใช้ปืนยิงใส่ผู้ใหญ่บัติจนเสียชีวิต จึงเป็นคำอธิบายว่า ทำไมนายวรยุทธ ที่ถูกจัดฉากว่า ฆ่าตัวตายหลังยิงครอบครัวถึงมีหัวกระสุนในร่างกายถึง 4 นัด

เมื่อก่อเหตุเสร็จเรียบร้อยบังฟัตและพวกก็หลบหนี พร้อมเอาฮาร์ดดิสก์จากกล้องวงจรปิด และรถยาริสของผู้ใหญ่บัติ เพื่อเอาไปเผาอำพราง ที่.พังงา ซึ่งเอาแบบอย่างจากภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวนที่เคยดูมา

นอกจากนี้ ยังนำรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ไปซุกซ่อนไว้ ที่เต็นท์เช่ารถแห่งหนึ่ง ใน.กระบี่ ใกล้ๆ กับที่เกิดเหตุ เพื่อป้องกันการถูกตรวจจับจากกล้องวงจรปิด แล้วแยกกัน โดยรถโตโยต้ายาริสสีขาวที่ใช้ก่อเหตุเอาไปฝากที่บ้านนายไพศาล จำนอง น้องภรรยา ที่บ้านม่วงสองต้น .นาสาร .พระพรหม .นครศรีธรรมราช จากนั้นนั่งรถตู้โดยสารจาก บขส.นครศรีธรรมราช หลบหนีไปกบดาน ที่.ภูเก็ต ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับกุมได้ในที่สุด

ส่วนเบื้องหลังของการจับกุมครั้งนี้ เริ่มต้นจากการที่ชุดสืบสวนส่วนกลางนำภาพผู้ต้องสงสัยให้พยานที่รอดชีวิตดูว่าเป็น 1 ในแก๊งคนร้ายหรือไม่ เมื่อพยานยืนยันว่า ใช่พร้อมเล่าปมขัดแย้งใหม่คือเรื่องจำนองที่ดิน

จึงกระจายกำลังสืบสวนสอบสวนพยานจนพบว่า บังฟัตซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยหมายเลข 1 มีรถลักษณะเดียวกับที่คนร้ายใช้ก่อเหตุอยู่จริง อีกทั้งหลังเกิดเหตุยังหายตัวไปจากพื้นที่ จึงตามสะกดรอยจนจับกุมได้ยกแก๊ง

ขณะที่ลูกสมุนต่างให้การตรงกันว่า ก่อนเกิดเหตุบังฟัตเรียกลูกน้องที่เป็นชาวสวนยางและรับจ้างทวงหนี้เป็นอาชีพเสริมให้มาร่วมงาน บอกว่าหลังจากงานเสร็จนอกจากค่าจ้าง 1 พันบาทจะให้เงินไปดาวน์รถ

แต่เมื่อเกิดเหตุจนถึงการลงมือฆ่าบรรดาลูกน้องที่รับงานมาก็ไม่กล้าทำ พร้อมห้ามปรามแต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งลงมือเสร็จแยกย้ายหนีโดยที่ไม่ได้ค่าจ้างใดๆ สุดท้ายแม้จะพยายามวางแผนที่คิดว่าเหนือชั้นที่สุด แล้วก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือตำรวจ

โดยในวันที่ 28 มี..2561 เวลา 09.00 . ศาลจังหวัดกระบี่พิพากษาประหารชีวิตบังฟัตและจำเลยรวม 6 คน ส่วนจำเลยอีก 2 คน คือ นางชลิดา สังข์โชติ ภรรยาบังฟัต รับโทษจำคุก 12 เดือน และนายธวัชชัย บุญคง จำคุก 1 ปี 9 เดือน ล่าสุดได้พ้นโทษออกมาแล้ว

กระทั่งในวันที่ 4 มิ..2562 ศาลอุทธรณ์ ภาค 8 นัดฟังคำพิพากษาคดีนี้ ชี้ชะตา คดีฆ่ายกครัว 8 ศพ

 

ข้อมูลจาก Khaosod