เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

หนุ่มเจอยาบ้า ลูกเมียร่ำไห้ วิ่งเข้ากอด ครอบครัวได้พร้อมหน้ากันอีกครั้ง

 

จากกรณีที่ น.ส.กัลยกร ชลพิทักษ์ อายุ 37 ปี พร้อมทนายความ เข้าร้องเรียนถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา

ผบ.ตร. เพื่อขอความเป็นธรรม หลังจากที่สามีคือ นายพิชิต เชิดธรรม ถูกตำรวจ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

จับกุมดำเนินคดี ในข้อกล่าวหา “ร่วมกันมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย” โดยมิชอบเนื่องจาก นายวิชิต

ได้รับการว่าจ้างจาก นายปองพล สวัสดิ์ทัส ให้ขับรถขนส้มไปทิ้ง ที่ ซ.เทพกุญชร 10 แขวงคลองหลวง จ.ปทุมธานี

แต่ปรากฏว่า นายวิชิตพบ ยาบ้า 52,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในลังส้ม จึงแจ้งตำรวจ สภ.คลองหลวง ให้มาตรวจสอบ

ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 29 พ.ค. นายวรกร พงศ์ธนากุล ทนายความ พร้อมด้วย น.ส.กัลยกร และลูกอีก2

คน ได้เดินทางมาที่ ศาลจังหวัดธัญบุรี อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อยื่นคำร้อง ขอให้ศาลปล่อยตัวนายพิชิต โดย

น.ส.กัลยกร เปิดเผยว่า ตนรู้สึกดีใจมาก ที่สามีจะถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำ พ่อแม่ลูกได้อยู่กันพร้อมหน้า

พร้อมตากัน

โดยให้เหตุผลว่า “ไม่พบการกระทำความจึงได้ปล่อยตัวโดยมีการการประกันตัว” และจะมีการปล่อยตัวที่เรือน

จำธัญบุรี ส่วนเรื่องของคดี ยังมีผู้ต้องหาคนอื่นอีกแต่ถ้ามีการสั่งฟ้องสำนวนของนายพิชิตก็จะพ่วงไปด้วย เมื่อ

พ่วงไปด้วยแล้วก็ขึ้นอยู่กับทางอัยการ แต่ถ้าทางอัยการมีความเห็นเดียวกันกับตำรวจก็คือ จบคดี

เวลา 14.00 น. ที่เรือนจำธัญบุรี จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวนายพิชิต ออกมาจากเรือนจำ ท่าม

กลางความดีใจขอภรรยาและลูก ต่างโผเข้ากอดกัน ร้องไห้ด้วยความดีใจ โดยนายพิชิต กล่าวว่า วันเกิดเหตุ

เพื่อนของตนได้รับงาน มาเพื่อที่จะให้เอาส้มไปทิ้ง ซึ่งเมื่อตนได้รับมาแล้ว ก็ได้พูดคุยกับเพื่อนและถามว่า มี

ส้มบางส่วนที่ยังดีอยู่ ตนนำเอาไปขาย ซึ่งเพื่อนได้แนะนำให้เอาไปเร่ขาย ที่ซ.เทพกุญชร 10 หลังจากนั้นก็

ได้นำส้มไปเร่ขาย ที่คลอง3 อ.คลองหลวง ก่อนมาพบยาบ้าอยู่ในลังส้ม

นายพิชิต กล่าวต่อว่า ขณะนั้นไม่ได้ตกใจอะไร รู้แต่เพียงอย่างเดียวว่า ยาบ้าที่พบไม่ใช่ของตน จึงโทรแจ้ง

ตำรวจ และขายส้มต่อ เมื่อตำรวจมาถึง ก็นำยาบ้าไปตรวจสอบ หลังจากนั้น ได้โทรเรียกให้ตนไปที่ สภ.คลอง

หลวง พร้อมกับให้เซ็นเอกสาร ด้วยความที่ไม่ค่อยรู้เรื่องจึงเซ็นไป โดยก่อนที่ตนจะเซ็นนั้น มีเอกสารสำนวนคดี

ที่ตำรวจได้อ่านให้ตนฟัง ซึ่งพอจับใจความได้ว่า นายพิชิตได้ขับรถไปขนส้มและมียาเสพติดอยู่ในรถ การเซ็นใน

วันนั้น ตนไม่ได้รับสารภาพ ว่าเป็นเจ้าของยาเสพติด หลังจากที่นั้น ตำรวจได้พาตนไปชี้ยาเสพติด จากนั้นเจ้าหน้า

ได้ถ่ายรูป และนำตนเข้าไปขังที่ห้องขังของโรงพักก่อนถูกส่งมาที่เรือนจำ

นายพิชิต กล่าวอีกว่า ตลอด 1 เดือน ที่ถูกขังอยู่ที่เรือนจำ รู้สึกทรมานมาก ไม่ผิดแล้วทำไมต้องมาอยู่ใน

สภาพนี้ เวลาที่ภรรยามาเยี่ยม ตนพูดไม่ถูกมีแต่ความเครียด คิดว่าตนเองเป็นพลเมืองดีแต่ทำไมต้องมาถูกจับ

เวลาตัวเองทำความดีแล้วมันทำไมไม่ได้ดี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาภรรยาได้บอกกับตนว่า จะนำเรื่องของตน

ไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรมและขอความเป็นธรรมให้กับตน

ตอนนี้ไม่อยากเรียกร้องอะไรมาก ได้ออกจากเรือนจำมาอยู่กับครอบครัวก็ดีแล้ว หลังจากนี้ คงไม่กล้า ถ้า

เจอสิ่งผิดกฏหมาย จะไม่ขอเข้าไปยุ่ง และจะไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือหน่วยงานอื่น ซึ่งถ้าแจ้งไปก็อาจจะ

ถูกจับมาแบบนี้อีก นายพิชิต กล่าว