เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

กรณีกระทรวงสาธารณสุขสั่งรถพยาบาลห้ามใช้ความเร็วเกิน 80 กม./ชม. และห้ามฝ่าไฟแดง ทำให้สังคมเกิดข้อสงสัยและเป็นห่วงว่าผู้ป่วยอาจได้รับการรักษาที่ล่าช้า ซึ่งทำให้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย

อธิบายได้ว่าจากสถิติการเกิดอุบัติเหตุของรถพยาบาลกระทรวงสาธารณสุขปี 2559-2562 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 110 ครั้ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต 318 ราย เป็นพยาบาลและบุคลากรในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน 129 ราย เสียชีวิต 4 รายพิการ 2 ราย ผู้ป่วยบาดเจ็บ 58 รายเสียชีวิต 3 ราย คู่กรณีเสียชีวิต 14 ราย ส่วนใหญ่เกิดขึ้นขณะส่งต่อผู้ป่วยระหว่างสถานพยาบาลถึงร้อยละ 80

สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการขับรถเร็ว ฝ่าสัญญาณไฟจราจร และไม่คาดเข็มขัดนิรภัย

กระทรวงสาธารณสุขจึงได้เน้นย้ำมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุของรถพยาบาล กรณีนำผู้ป่วยส่งสถานพยาบาลจะต้องใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม.ตามประกาศของกระทรวง ซึ่งเริ่มใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2558

หลายคนอาจคิดว่ายิ่งส่งผู้ป่วยถึงมือแพทย์เร็วเท่าใดก็ยิ่งเพิ่มโอกาสรอดชีวิตมากเท่านั้น แถมกฎหมายจราจรก็ยกเว้นให้รถพยาบาลสามารถใช้ความเร็วเกินกว่าที่กำหนดได้ ซึ่งความจริงก็เป็นเช่นนั้น แต่ความปลอดภัยในการเดินทางก็สำคัญไม่แพ้กัน

จึงถือเป็นการเพิ่มความคุ้มครองสวัสดิภาพการทำงานของบุคลากรสาธารณสุขและผู้ป่วย โดยประชาชนไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดความเสี่ยงหากรถพยาบาลวิ่งช้า เนื่องจากอุปกรณ์กู้ชีพภายในรถพยาบาลมีเพียงพอ และรถพยาบาลเองยังสามารถเปิดไซเรนหรือไฟฉุกเฉินเพื่อแจ้งให้ผู้ใช้รถใช้ถนนรู้ว่าภายในรถมีผู้ป่วย เป็นการขอความร่วมมือในการเปิดทางให้รถพยาบาล

มาตรการนี้ใช้เฉพาะกับรถพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ไม่รวมถึงรถกู้ภัย กู้ชีพ หรือสังกัดอื่นๆ และหากจำเป็นต้องส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลอื่น แพทย์เจ้าของไข้จะประเมินแล้วว่าผู้ป่วยมีสัญญาณชีพคงที่ ไม่อยู่ในภาวะวิกฤติ และคาดว่าจะไม่ทรุดลงรุนแรงในขณะเดินทาง ไม่เพียงเท่านั้น กระทรวงสาธารณสุขยังมีมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยอื่นๆ อีก ได้แก่

โรงพยาบาลทุกแห่งต้องทำประกันภัยรถพยาบาลชั้น 1 ภาคสมัครใจ และเพิ่มวงเงินประกันภัยคุ้มครองผู้โดยสารหากเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร เป็นคนละ 2 ล้านบาท, ในรถต้องมีผู้โดยสารรวมพนักงานขับทั้งหมดไม่เกิน 7 คน, พนักงานขับรถพยาบาลต้องผ่านการอบรมหลักสูตรฝึกอบรมของกระทรวงสาธารณสุข และตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

ทุกคนต้องคาดเข็มขัดนิรภัย, รถพยาบาลทุกคันต้องติดตั้งอุปกรณ์จีพีเอสควบคุมความเร็ว และกล้องวงจรปิดบันทึกภาพ และห้ามขับรถฝ่าสัญญาณไฟแดงทุกกรณี

ไม่ทำหัตถการขณะรถเคลื่อนที่ เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในรถพยาบาล หากเกิดการร้องขอจากพยาบาลต้องรีบหาที่จอดที่เหมาะสมและปลอดภัยทันทีเพื่อให้การช่วยเหลือบนรถพยาบาลขณะนำส่ง อย่างไรก็ตามแม้จะมีมาตรการที่เข้มงวดกับรถพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขแล้ว แต่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนก็ควรให้ความร่วมมือในการขับขี่รถหรือเดินเท้า เมื่อเจอรถพยาบาลฉุกเฉิน
โดยคนเดินเท้าต้องหยุดหรือหลบชิดขอบทาง หรือไหล่ทางที่ใกล้ที่สุด ส่วนผู้ขับขี่รถต้องหยุดรถชิดขอบทางด้านซ้าย หรืออาจขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เช่น ชะลอความเร็ว แล้วเบี่ยงซ้ายหรือขวา เพื่อให้รถพยาบาลแซงผ่านไปได้สะดวก และต้องไม่ขับไปเรื่อยๆ หรือไม่ขับตามรถพยาบาลฉุกเฉินโดยเด็ดขาด

เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้รถพยาบาลเดินทางถึงที่หมายอย่างปลอดภัย และลดการเกิดอุบัติเหตุได้เป็นอย่างดี