ขบวนรถไฟพุ่งชนรถตู้โดยสารในพื้นที่ อ.พัฒนานิคม ลพบุรี มีผู้เสียชีวิต 6 ราย เจ็บจำนวนมาก เหตุจากรถตู้ฝ่าแผงกั้นถนน
วันที่ 12 เม.ย.2562 เวลา 04:00 น. ตำรวจ สภ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี รับแจ้งอุบัติเหตุรถไฟชนรถตู้โดยสารไม่ประจำทาง บนถนนสายลพบุรี-วังม่วง บริเวณเลียบทางรถไฟแก่งเสือเต้น โค้งข้าวหลาม เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดจ็บ 10 ราย ต่อมามีผู้บาดเจ็บเสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย รวมผู้เสียชีวิตทั้งหมด 6 ราย
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ตู้โดยสาร หมายเลขทะเบียน 30-1114 อุบลราชธานี ในสภาพด้านซ้ายพังยับเยิน มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุหลายราย จึงได้ช่วยกันทยอยนำร่างผู้ที่ได้รับบาดเจ็บส่ง รพ.ต่างๆ ในพื้นที่ ซึ่งรวมทั้งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตทั้งสิ้น 15 ราย ทราบชื่อในเบื้องต้น
1.นายวิมล วิเศษสัตย์ อายุ 50 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
2.น.ส.รัศมี โสภา อายุ 36 ปี่ ได้รับบาดเจ็บ
3.น.ส.ปรียากมล นนทะนา อายุ 29 ปี บาดเจ็บ
4.น.ส.วาสนา โสภา อายุ 28 ปี บาดเจ็บ
5.นางประไพ โพธิพา อายุ 57 ปี บาดเจ็บ
6.นายฉัตรชัย ชูลี อายุ 27 ปี บาดเจ็บ
7.นางคำปอน วิเศษสัตย์ อายุ 47 ปี บาดเจ็บ
8.น.ส.นลิน ศรีงาม อายุ 21 ปี บาดเจ็บ
9. น.ส.นฤมล สนธิลา อายุ 35 ปี บาดเจ็บ
10.ด.ช.ภูวดล สนธิลาอายุ 14 ปี เสียชีวิต
11.นายวิชัย บุญตั้งอายุ 28 ปี เสียชีวิต
12.น.ส.ไตรดา บุญธรรมอายุ 22 ปี เสียชีวิต
13.น.ส.ทิพวรรณ กลิ่นลั่นทม อายุ 28 ปี เสียชีวิต
14.นายประยงค์ สุกสัก อายุ 65 ปี เสียชีวิต
15.นายประดิษฐ์ สนธิลา อายุ 41 ปี เสียชีวิต ซึ่งทั้งหมดเป็นชาวบ้าน ต.ข้าวปุ้น อ.กุดข้าวปุ้น จ.อุบลราชธานี
จากการสอบสวนนายวิมล วิเศษสัตย์ คนขับรถตู้ ให้การว่าได้รับผู้โดยสารทั้งหมดจากรุงเทพฯ มุ่งหน้า จ.อุบลราชธานี เมื่อมาถึงยังจุดที่เกิดเหตุ ไม่มีเครื่องค้นทางรถไฟ เห็นว่ารถคันหน้าขับไปได้แล้ว ตนเองขับตาม เป็นจังหวะที่ขบวนรถไฟสายหนองคาย กรุงเทพ ขับมาด้วยความเร็วสูงได้พุ่งชนรถยนต์ตู้อย่างจังจนเป็นเหตุสลดดังกล่าว ซึ่งรถไฟขบวนดังกล่าว ไม่ได้จอดในจุดที่เกิดเหตุ ทั้งนี้จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในเบื้องต้นบริเวณข้ามทางรถไฟมีเครื่องกั้น ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ๆดูแลเครื่องกั้น และสอบถามคนขับรถตู้คาดว่า เจ้าหน้าที่เครื่องกั้นทางรถไฟคงจะหลับ โดยที่ไม่ได้กั้นทางในขณะที่รถไฟมา
ทั้งนี้จากการตรวจสอบหาสาเหตุพบว่ามาจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่การรถไฟ เนื่องจากจุดดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ ทำให้มีการนำป้ายสัญญาณเตือนต่าง ๆ ออกไป โดยจะมีเพียงเจ้าหน้าที่ของการรถไฟคอยกั้นรางเวลารถไฟผ่าน แต่เบื้องต้น พบว่าขณะเกิดเหตุไม่มีเจ้าหน้าที่กั้นรางรถไฟ ประกอบกับในจุดเกิดเหตุไม่มีไฟส่องสว่าง คาดว่าผู้ขับขี่น่าจะมองไม่เห็น ซึ่งตามปกติแล้วหากเจ้าหน้าที่ของการรถไฟปฏิบัติหน้าที่ เชื่อว่าน่าจะไม่มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น เพราะจากการตรวจสอบพบรถตู้ไม่ได้วิ่งมาด้วยความเร็ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะมีการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดูว่าจะสามารถเอาผิดกับการรถไฟได้หรือไม่ แต่คาดว่าจะต้องใช้เวลาในการดำเนินงานอีกครั้งหนึ่ง
ขอบคุณภาพจาก อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เขตพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี