วันที่ 18 มีนาคม 2562 เว็บไซต์เวิล์ดออฟบัซ รายงานว่า หลิวลี่ถิง หญิงชาวสิงคโปร์วัย 32 ปี กลายมาเป็นผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะโคม่านานถึง 5 วัน ก่อนจะเสียชีวิตจากไปท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัว หลังจากที่เธอเข้ารับการฉีดโบท็อกซ์ที่คลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่ง ในย่านมาริน่าเบย์ ของสิงคโปร์
โดยรายงานจากไชน่าเพรส พบว่า หลิวลี่ถิง ซึ่งทำงานเป็นตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ ได้เข้าไปเสริมความงามจากคลินิกที่มีใบอนุญาต ในวันที่ 8 มีนาคม ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเหตุไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นหลังจากที่แพทย์ฉีดสารเข้าไปในตัวเธอ หลิวลี่ถิงเริ่มมีอาการสั่นและหมดสติไป ก่อนที่ทางคลินิกจะรีบตามรถพยาบาลมารับตัวเธอไปยังโรงพยาบาลโดยด่วน
แม่ของหลิวลี่ถิง เผยว่า ในเวลาประมาณ 15.00 น. วันเดียวกันนั้น สามีของเธอได้รับโทรศัพท์แจ้งจากทางคลินิกเสริมความงาม ว่าลูกสาวของเธออาการไม่ดีและได้ส่งตัวไปรับการรักษาฉุกเฉินที่โรงพยาบาลแล้ว ไม่นานจากนั้นทางแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลก็ติดต่อมาอีก แจ้งว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก เธอกับสามีจึงต้องรีบไปโรงพยาบาลในทันที
แต่แม้ว่าแพทย์จะพยายามให้การรักษาอย่างถึงที่สุด และได้ใส่อุปกรณ์พยุงชีพแก่หลิวลี่ถิง สุดท้ายเธอเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว และเสียชีวิตหลังอยู่ในภาวะโคม่านานถึง 5 วัน
การจากไปอย่างกะทันหันของลูกสาว นำพาความเศร้าโศกมาสู่ครอบครัวอย่างมาก โดยขณะนี้พ่อกับแม่ที่ต่างก็ใจสลาย ยังคงเฝ้ารอผลการสอบสวนจากตำรวจในเรื่องการเสียชีวิตของลูกสาว ด้วยความเชื่อมั่นว่ากฎหมายจะพาความเป็นธรรมมาสู่การเสียชีวิตของหลิวลี่ถิงได้
พ่อของหลิวลี่ถิง ยังได้เผยกับสื่อเจ้าเป่า ว่าแพทย์ที่แผนกฉุกเฉินได้บอกเขาว่า ลูกสาวพลาดช่วงเวลาทองในการกู้ชีพไป 20-30 นาที ก่อนจะมาถึงมือแพทย์ นั่นทำให้สมองของเธอขาดออกซิเจน จนทำให้อวัยวะอื่นๆ ล้มเหลว แม้ว่าเขาจะขอให้แพทย์จากคลินิกเสริมความงามมาพบหลังจากเกิดเหตุ เพื่อขอคำอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่คำอธิบายที่ได้กลับไม่สามารถทำให้ครอบครัวหายคาใจได้ เขาจึงต้องพึ่งตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบหาความจริง
ทั้งนี้ ไม่มีรายงานว่าสารเคมีที่ทางคลินิกใช้ฉีดให้แก่หลิวลี่ถิง คือสารชนิดใด แต่พบว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลิวลี่ถิงเข้ารับการฉีดโบท็อกซ์ จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้นำไปสู่ความตายของเธอ
ด้านแม่ของหลิวลี่ถิง ยังได้ฝากเตือนไปถึงคนอื่นๆ ให้คำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัยของตัวเองมาเป็นอันดับแรก อย่าได้ละเลยความปลอดภัยเพียงเพื่อความงามเท่านั้น โดยเธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่มีคนอื่นที่ต้องพบเจอกับเรื่องเศร้าเช่นเธออีก