เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

จากกรณีการหายตัวไปของ น้องดีน หรือ นายหัสดีน ไชยเพ็งจันทร์ อายุ 18 ปี นักเรียนชั้นปวช.ปี 3 วิทยาลัยการอาชีพพนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา นานกว่า 12 วัน โดย นายคำพัน ไชยเพ็งจันทร์ ผู้เป็นพ่อ ยืนยันลูกไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทใคร

ความคืบหน้าเรื่องนี้ พ.ต.ท.นุรัตน์ จันทะคุณ สารวัตร (สอบสวน) สภ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพชายอยู่บริเวณพงหญ้า ภายในสวนยูคาลิปตัส ใกล้สำนักสงฆ์เขาหินด่าง หมู่ 1 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัย จ.ฉะเชิงเทรา จึงประสานแพทย์ ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน แล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมกำลังฝ่ายสืบสวน

เมื่อไปถึงพบศพชายภาพนอนหงาย สวมเสื้อแขนยาวสีเขียว-แดง มีโลโก้ พิชซ่าฮัท สวมกางเกงขายาว สภาพศพเปื่อยเน่า ห่างจากจุดพบศพ 10 เมตร มีรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีแดง-ดำ ทะเบียน กพย 625 ฉะเชิงเทรา ล้มคว่ำอยู่ คาดว่าน่าจะเป็นศพน้องดีน ที่หายตัวไปเนื่องจากมีรูปพรรณสัณฐาน รวมทั้งเสื้อผ้าที่สวมใส่และรถจักรยานยนต์ตรงกับที่ครอบครัวได้แจ้งหายไว้

ระหว่างนั้นนายคำพัน ไชยเพ็งจันทร์ เดินทางมาดูศพและยืนยันว่า ศพนี้เป็นศพน้องดีน ที่หายตัวไป ซึ่งนายคำพันยังเสียใจจนพูดไม่ออก ได้แต่บอกว่า ไม่คิดว่าจะมาเจอสภาพลูกชายแบบนี้ แต่ต้องทำใจและปล่อยให้เป็นหน้าที่ตำรวจติดตามจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดี

ด้านเจ้าของไร่ยูคาลิปตัส ผู้พบศพ เปิดเผยว่า ตนนำลูกน้องมาตัดริปใบต้นยูคาลิปตัสในไร่ แล้วได้กลิ่นเหม็นสาบ แต่ก็ยังหาที่มาไม่เจอจนกระทั่งใบยูคาลิปตัสปลิวล่วงเข้าไปในไร่ของคนอื่นที่อยู่ด้านข้าง ตนจึงข้ามไปเก็บถึงได้พบที่มาของกลิ่นเป็นศพนอนอยู่ ด้วยความตกใจจึงรีบวิ่งออกมาแล้วแจ้งตำรวจเข้ามาตรวจสอบ

ขณะที่ พ.ต.ท.นุรัตน์ กล่าวว่า ลักษณะของศพที่พบเป็นการตายที่ผิดธรรมชาติ ไม่ใช่การตายอย่างปกติ เนื่องจากจุดที่พบศพเป็นไร่ยูคาลิปตัส โดยปกติแล้วจะไม่มีคนขี่รถเข้ามา อีกทั้งการตรวจสอบสภาพศพเบื้องต้น พบร่องรอยการถูกทำร้ายแม้ศพจะเน่าเปื่อยไปบางส่วน แพทย์ระบุเบื้องต้นเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7 วัน ส่วนประเด็นที่ตั้งไว้ มี 2 ประเด็นคือในเรื่องความขัดแย้งของกลุ่มเพื่อน และปัญหาความขัดแย้งเรื่องยาเสพติด

“เนื่องจากนายหัสดีน เคยถูกจับกุมฐานร่วมกันครอบครองยาเสพติดเมื่อปี 2560 ขณะนี้ตำรวจชุดสืบสวนนำตัวกลุ่มเพื่อนนายหัสดีน มาสอบสวนแล้วบางส่วน เชื่อว่าการลงมือสังหารในครั้งนี้ ต้องมีคนร่วมขบวนการไม่ต่ำกว่า 2-3 คน ซึ่งจะได้สอบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป”